ดูกูทำ บทสนทนา คนต้นแบบเกษตรอินเตอร์ ออนไลน์ สวัสดีเพื่อน ๆ ครับ พบกันอีกครั้งครับสำหรับการก้าวเข้าสู่เดือนแห่งความรัก ผมมีเรื่องเล่าแบบเกษตร พ่วงการตลาด ผ่านมุมมองของคนที่ลงมือทำจริง ๆ และไม่เพียงแค่นั้นนะครับ คนต้นเรื่องของผม ยังมองด้วยสายตาที่ไกลไปมากกว่านั้น ก็คือ การตลาดเกษตรที่ต้องไปสู่ผู้ซื้อหรือลูกค้า ในโลกที่มันกว้างกว่าเดิม นั่นคือ ตลาดออนไลน์ ใช่แล้วครับ ผมอยากให้ท่านจำคำเหล่านี้ ก่อนที่จะลงมือทอดสายตาไปกับเรื่องราวที่ผมตั้งใจจะเล่าต่อไปนี้นะครับ ซึ่งเป็นเหตุการณ์แบบเจอปั๊บเขียนปุ๊บเลยนะเสียงเปรยจากปากนักการตลาดหัวใจเกษตร สุเทพ ศรีอินกิจ กล่าวกับผมในช่วงหนึ่งของการพาเดินดูวิถีเกษตรออนไลน์ของตน ในมุมหนึ่งของอำเภอสามพราน นครปฐม ซึ่งไม่ไกลเมืองหลวงมากนักพวกเราหรือเกษตรกรอย่างเรา ๆ นะ ส่วนใหญ่เป็นคนดี ซื่อตรง แต่ติดอย่างเดียว คือผมมองว่าไม่มีหัวการค้า หรือมองในสิ่งที่ตนทำ ว่ามันคือธุรกิจ อาจารย์สุเทพ ศรีอินกิจ หรือที่รู้จักกันในโลกของยูทูบเบอร์ ที่หันมาสนใจและน้อมตัวเองจากความเป็นลูกชาวนา ที่วันนี้มีประสบการณ์ทางการตลาดมาพอสมควร จนกล้าที่จะเรียกสิ่งที่ตัวเองทำอย่างภาษาชาวบ้านว่า “ดูกูทำ” สิ่งที่ทำให้ดูนั้นไม่ใช่เป็นการทำเพื่ออวดโอ้โชว์เหนือ เหมือนนักการตลาดทั่วไป คือ ทำเกษตรในมิติของการตลาดแนวใหม่ บทเรียนของการเข้าใจการตลาดนั้น มันสำคัญต่อการที่จะเป็นทักษะใหม่ที่เร่งด่วน ที่จะต้องเรียนรู้ของเกษตรกรไทยใช่หรือไม่ ผมถามเพื่อเปิดประเด็น อาจารย์สุเทพ ศรีอินกิจ ซึ่งหมวกอีกใบนั้นทำหน้าที่เป็นรองประธานหอการค้า ของจังหวัดนครปฐม ท่านให้คำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ มันไม่ใช่ประเด็น เกษตรกรบ้านเราต้องนิยามตัวเองให้ถูกก่อน จริง ๆ ที่ผ่านมาก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่เราจะต้องนิยามตัวเองเสียใหม่ เพราะว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ในความเปลี่ยนไปของโลกนั้น มันทำให้เราเข้าใจความกว้างไกลของโลกตามมา ความรู้และสินค้าที่จะเป็นแม้กระทั่งคนที่ขายสินค้า หรือใกล้เคียงกับเราเองก็ตาม แต่กลับมีตลาดที่กว้างไกล บางคนขายข้าวกิโลกรัมหนึ่งได้สี่สิบบาท ขณะที่เกษตรกรขายข้าวเปลือกกิโลกรัมละ 10 บาท สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนให้เห็นว่า พวกเรายังทำแบบเดิม ๆ นั่นคือ ทำได้เท่าไรขายเท่านั้น ได้กำไรก็ดีไป ไม่ได้กำไรก็ภาวนาว่า อย่าให้เจ็บตัวมากก็ยังดี ทำไมไม่มีคนคิดที่จะทำน้อย หรือทำเท่าเดิมให้ได้กำไรมากกว่าเดิมล่ะ ในเมื่อโลกมันถึงกันหมด แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนผมจะไม่ว่าอะไรเลย เราต้องอาศัยพ่อค้าคนกลาง ผมคิดว่าชาวนาหรือเกษตรกรอื่น ๆ ที่ทำอาชีพนี้ ต้องไม่นิยามตัวเองว่าเป็นผู้ยากจน ยากไร้ เราต้องนิยามตัวเองเสียใหม่ว่า เราคือนักธุรกิจ ไม่มีใครมาจ้างเราทำนาใช่ไหมล่ะ เราเป็นเจ้าของนาของเราเอง ทำไมเราถึงไม่มีฐานคิดที่มันสมาร์ทกว่านี้ เพื่อนำธุรกิจไปต่อ คำว่าไปต่อ คือ ไม่ขาดทุน นั่นคือสิ่งแรกที่เราจะต้องปรับตัวเอง ส่วนตัวผมเองก็เคยคิดแบบนั้นมาก่อน พอได้มีโอกาสมาศึกษา มีเครือข่ายคนทำงานด้านเกษตร และรู้จักนักการตลาดมาบ้าง ก็เลยคิดว่าเราจะต้องเปลี่ยน และปรับตัวให้อยู่กับโลกที่มันเปิดกว้าง ดูกูทำ คือ โมเดล ที่อาจารย์สุเทพ ใช้ภูมิปัญญาปฏิบัติ ออกแบบพื้นที่ไม่ถึงห้าไร่ ในการผสมผสานระหว่างน้ำ พื้นที่เพาะปลูก และที่สำคัญ คือ ปลูกในสิ่งที่คนอื่นไม่ปลูก หมายความว่า เรารู้ว่าตลาดต้องการอะไร การทำอะไรในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เป็นพื้นฐานของการกำหนดราคาได้ด้วยตนเอง แน่นอนว่าเราไม่มีทางคิดได้ก่อน หรือปลูกได้ดีกว่าคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่เราทำแตกต่างจากคนอื่น คือ การสื่อสารสิ่งที่ทำผ่านโลกออนไลน์ โลกออนไลน์ในรูปแบบการตลาด ไม่ใช่โลกออนไลน์ที่เข้าใจว่า เล่นเกมส์ติดมือถืออะไรแบบนั้น ซึ่งนั่นเป็นการตั้งรับกับเทคโนโลยีแบบความบันเทิงและหรรษา ถ้าให้เปรียบกับคนค้นคน ผมว่าคนแบบนี้ก็น่าค้นเหมือนกันนะครับ จุดที่ผมพบและคิดว่าน่าจะเป็นการส่งต่อจุดเปลี่ยนให้กับท่านผู้อ่านสายเขียว สายอินทรีย์ ทางเกษตร ก็คือ การปรับตัวเองไม่หวังแบบการล้มกระดาน ว่าเราจะลุกขึ้นมาผงาดในด้านการตลาดที่มันซับซ้อนอยู่เดิม เพื่อเอาชนะนะครับ แต่เราหวังแค่กระบวนการคิดที่มันคลิก และล้อไปกับโลกดิจิทัล ถึงไม่ใช่การขายโดยตรงแบบการตลาด อย่างน้อย ๆ การสื่อสารที่ทำให้เกิดพลังร่วมกัน ถึงภาคีเกษตรที่กำลังเกาะเกี่ยวความสัมพันธ์กันในหลาย ๆ พื้นที่ ได้เข้าใจว่าการเกษตรบ้านเรานั้น สามารถก้าวไปสู่การสร้างความยั่งยืนมั่งคั่งได้ ด้วยการปรับฐานคิดด้านมุมมองธุรกิจ คือ คิดอย่างคนค้าขายในตลาดที่ worldwide หากมีเวลาหรือสนใจจริง ๆ ผมว่าน่ามาเยือนมาคุยพบปะกันที่อาศรมเกษตรอินเตอร์ออนไลน์นะครับ ซึ่งต้องขออุบไว้ก่อนเลยว่า เบื้องหลังของการทำเกษตรนั้น ท่านอาจารย์สุเทพ คิดใหญ่ถึงกับว่า ชาวนาควรมีเว็บไซต์เป็นคนของตัวเองทุกหลังคาเรือน อย่าคิดนะครับว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ มาเรียนรู้ด้วยกันครับ ที่นี่ยินดีต้อนรับมาก ๆ ถือเสียว่าพาครอบครัว พาลูกมาวิ่งเล่นก็ได้ ซึ่งผมก็มาด้วยเหตุผลนี้หล่ะครับสนใจแนวทางแนวคิดแบบอินเตอร์ ติดตามช่องยูทูบเกษตรอินเตอร์ออนไลน์ได้เลยครับ คลิก ที่นี่ภาพโดยผู้เขียน เล่าเรื่องโดย ชาตรี ลุนดำ