ต้องบอกเลยว่าผมโคตร HYPE(ตื่นเต้น) ตั้งแต่ได้เห็น Trailer ของหนังเรื่อง 'ร่างทรง (THE MEDIUM)' ตั้งแต่ Trailer(ตัวอย่าง) แรกและเป็นคนที่ชอบจังหวะของหนัง HORROR THRILLER (สยองขวัญ,ระทึกขวัญ) อยู่แล้ว และติดตามผลงาน ของ บรรจง ปิสัญธนะกูล (พี่โต้ง) ตัวอย่างหนังเช่น พี่มาก...พระโขนง , Shutter กดติดวิญาณ และ Na Hong-jin ตัวอย่างหนัง เช่น The Wailing , The Chaser ซึ่ง ผลงานของผู้กำกับทั้ง 2 ท่านนี้นับว่าเป็นผลงานที่ตรง Taste (รสนิยม) ของผมมากๆ พอเห็นเรื่องนี้ เมื่อวันที่ฉายหนังรอบแรก 28 ตุลาคม 2564 รอบหนัง 10.30 น. ผมก็ตัดสินใจจองตั๋วเลย ซึ่งพอเข้าไปในโรงภาพยนต์ อย่างแรกที่ว้าวคือ 'จำนวนคน' ครับ จำนวนคนค่อนข้างเยอะปกติในสถานการณ์แบบนี้ เยอะขนาดเบาะข้างๆผมมีคนมานั่งด้วย แสดงให้เห็นถึงตอนนี้เราก็โหยหาการดูหนังสยองขวัญระทึกขวัญพอสมควรครับ พอดูจบและออกจากโรงภาพยนต์ ก็บอกเลยว่า 'สุดจริงๆ' ครับ พี่โต้ง บรรจง กับ นาฮงจิน คุณได้สร้าง MASTERPIECE (ผลงานชิ้นโบว์แดง) ขึ้นมาอีกชิ้นแล้วครับ ในหนังเล่นกับ Pressure (ความกดดัน) ได้มากทีเดียว ด้วยการถ่ายทำแบบ Mockumentary (จำลองการถ่ายสารคดี) ทำให้ Atmosphere(บรรยากาศ) ดู Real(จริง) มากครับ ในเรื่องจะเล่าถึงความเชื่อร่างทรงของ "ย่าบาหยัน" เป็นความเชื่อในทางเหนือ และหนังจะเล่าเกี่ยวกับ ความเชื่อ ความกดดัน ความเครียด มีดราม่าเล็กน้อย ความหลอน ช่วงครึ่งแรกจะเป็นการเล่าเรื่องแบบ Slow-Burn (การเล่าเรื่องอย่างช้าๆ) เพราะเป็นการทำให้เราซึมซับกับบรรยากาศ ความหลอน ความน่ากลัว ของ ตำนาน สถานที่และความเชื่อไปก่อน และ ครึ่งหลังครับ ผมบอกได้เลยว่า 'จัดเต็ม' ครับ ทั้งความหลอน ความระทึกขวัญ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบมากครับ เป็นหนังHorror Thriller ที่จะขึ้นขึ้นแท่น 'น่ากลัวอันดับ 1' ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เลยครับอย่างที่บอกไปตาม Personal Opinion (ความคิดเห็นส่วนตัว) ของผมนะครับซึ่งในเนื้อเรื่องจะมีตัวละครหลักที่ดำเนินเรื่อง ดังนี้นริลญา กุลมงพลเพชร รับบท มิ้ง เด็กสาววัยรุ่นที่ไม่เชื่อเรื่องร่างทรง หรือตำนานภูตผีปีศาจต่างๆ หารู้ไม่ว่า กำลังมีสิ่งที่ไม่คาดคิดกำลังคุกคามเข้ามา เป็นตัวละครหลักที่จะส่งผลกระทบกับเหตุการณ์ของเรื่องได้อย่างมาก **นักแสดงคนนี้ลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ตัวละครมิ้งกำลังเจออยู่ สวนีย์ อุทุมมา รับบท นิ่ม ป้าของมิ้ง ซึ่งเป็นผู้รับสืบทอดร่างทรงของย่าบาหยัน ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินเรื่องควบคู่ไปกับมิ้ง ซึ่งเป็นตัวละครหลักที่จะทำให้เกิด Turning Point (จุดเปลี่ยน) ของเรื่องและส่งผลกระทบของเรื่องได้พอๆกับตัวละครมิ้ง ศิราณี ญาณกิตติกานต์ รับบท น้อย แม่ขอบงมิ้ง ผู้ไม่รับการสืบทอดของร่างทรงย่าบาหยัน ซึ่งการกระทำนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของ 'อะไรบางอย่าง' ที่กำลังเข้ามาอย่างช้าๆ ยะสะกะ ไชยสร รับบท มานิต พ่อของมิ้ง ซึ่งตัวละครนี้จะค่อนข้างจะไม่เน้นตัวละครนี้เทียบเท่ากับ 3 ตัวละครหลักด้านบน ซึ่งคอยดูดแลมิ้งอยู่กับน้อย แต่ในช่วงครึ่งหลังนั้นตัวละครนี้ค่อนข้างที่จะมีส่วนร่วมและส่งผลกระทบกับหนังพอสมควร บุญส่ง นาคภู่ รับบท สันติ หมอผีที่ทำอาชีพสำนักทรง ซึ่งถูกนิ่มให้เข้ามาช่วยเหลือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมิ้งซึ่งหารู้ไม่การตัดสินใจนี้จะทำให้ชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลStory & Character Emotional Expression (เนื้อเรื่องและการแสดงอารมณ์ของตัวละคร) ต้องบอกเลยว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างดีครับมีการเล่นกับความกดดันได้ตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งความหลอน ความระทึก ทุกอย่างทำได้ครบเครื่อง ครึ่งแรกที่ผมบอกว่าค่อนข้าง Slow-Burn หรือเล่าเรื่องไปอย่างช้าๆ แต่ผมบอกเลยว่า ผมรู้สึกกดดัน หลอน และสยองขวัญตลอด พอส่งไปครึ่งหลัง นี่จัดเต็มครับ อย่างที่บอก คือถ้าคุณเห็นใน Trailer ว่าน่ากลัวเท่าไหร่ ในหนังให้คุณ 'คูณ10' ไปครับ ผมไม่ได้เวอร์เลย เพราะ แต่ละจังหวะที่เค้าเล่นนี่หลอนมาก จังหวะการเข้ามาของตัวละคร จังหวะการแสดงอารมณ์ บุคลิคท่าทางต่างๆ ยอดเยี่ยมมากครับทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่าตัวละครนี้มีความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ ทั้งเรื่อง ทั้ง อารมณ์ หลอน เศร้า ตื่นเต้น กดดัน ทุกอย่างทำได้ดีสามารถติดตามตัวละครนั้นไปได้ตลอดทั้งเรื่องครับEditor (การตัดต่อ)บอกเลยว่าเป็นการตัดต่อที่ Tactical (ชั้นเชิง) สูงมากๆครับ จะมี Feeling (อารมณ์ความรู้สึก) ที่แบบ ตอนแรกคิดแบบนี้ แต่พอมาเห็นอีกฉากนึง อ๋อเป็นเเบบนี้นี่เอง อะไรแบบนี้ ซึ่งพูดถึงจังหวะหลอนนี่บอกเลยว่า 'โคตรสุด' ครับ มีการเล่นกับกล้องวงจรปิด Night vision (ภาพเวลากลางคืน) บอกเลยว่าจังหวะและความกดดันนี่ทำได้สุดจริง สร้างความ Suspense (ใจจดใจจ่อ) อยากรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปจะเป็นอย่างไร และน่าติดตามมากครับColor Grading & Composition (การจัดสีและองค์ประกอบ)การจัดสีบอกได้เลยว่า 'สวยมาก' ครับ ดูจากโปสเตอร์ภาพประกอบและตัวอย่างหนัง ซึ่งตอนดูหนังบอกเลยว่าการจัดสีดีมากครับ เข้ากับบรรยากาศ และ อารมณ์ในสถาการณ์เหล่านั้น จัดสีได้สมดุลย์ได้ดี ชวนมอง สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน ในส่วนขององค์ประกอบต่างๆใน Scene (ฉาก) ต่างๆ ค่อนค้างจะสมเหตุสมผลกับ Location(สถานที่) เหล่านั้นครับ เช่น ลานพิธี ตึกร้าง ตึกราบ้านช่องต่างๆ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบของสถานที่เหล่านั้นมีการใส่ใจรายละเอียดได้ดีทีเดียวครับCostume (เครื่องแต่งกาย)ใน่ส่วนเครื่องแต่งกายมีการจัดเครื่องแต่งกายตามบุคลิคของตัวละคร เช่น ตัวละคร มิ้ง ที่เป็นเด็กวัยรุ่น ก็จะใสช้เสื้อผ้าที่ดูชิค ๆเท่ ๆ หน่อย ตัวละคร ป้านิ่ม น้อย มานิต ก็จะใช้เครื่องแต่งกายที่ดูภูมิฐาน ตัวละครวันชัยที่เป็นหมอผี ก็จะใส่ชุดที่นุ่งขาวห่มขาวเลย ซึ่งจัดเครื่องแต่งกาย ทำได้สมเหตุสมผลความเป็นตัวตนของตัวละครได้ดีทีเดียวครับ Overall Analysis (การวิเคราะห์โดยรวม)โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหนังสไตล์ Horror Thriller (สยองขวัญ,ระทึกขวัญ) อยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ค่อนข้างทำได้สุดจริงๆ ซึ่งความกดดัน ความหลอน สุดยอดมากครับ ซึ่งดูแล้วผมต้องมานั่งคิดว่า ที่เราเชื่อนี่ถูกหรือเปล่า , สิ่งที่เราเชื่อนี่มีจริงไหม , เรากำลังเชื่ออะไรอยู่กันแน่ ทำให้ผมได้ทบทวนสิ่งที่ตัวเองเชื่อใหม่และได้คิดอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับความเชื่อ ในส่วนความสยองขวัญ ก็ไม่มีอะไรติดครับ ซึ่งผมยังไม่ขอให้คะแนนนะครับ เพราะเป็นการรีวิวแบบ No Spoil (ไม่เล่าเนื้อเรื่อง) แต่บอกได้เลยว่าหนังเรื่อง ร่างทรง (THE MEDIUM) 'ไม่ต่ำกว่า 8 คะแนน' แน่นอนครับ ถ้าจะถามเหตุผลของการให้คะแนนหนังเรื่องนี้เหตุผลอยู่ที่แต่ละหัวข้อข้างบนหมดแล้วครับ และตามที่หัวข้อบทความนี้บอกไปหนังเรื่องร่างทรง (THE MEDIUM) จะเป็น หนังสยองขวัญที่ขึ้นแท่น 'น่ากลัวอันดับ 1' ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในตอนนี้ เพราะผลตอบรับจากหลายๆภูมิภาคและหลากหลายประเทศดีมากครับ จริงๆผมอยากไปดู รอบ 2 รอบ 3 เพื่อไปเก็บรายละเอียด และ สะใจผมด้วยแหละ 55555 เชียร์ให้ไปดูครับ สนุกมาก หลอนมาก ระทึกมาก กดดันมาก ครบรสแน่นอนครับ เรื่องย่อ ร่างทรง (The Medium) ขอขอบคุณภาพปกสวยๆจาก FACEBOOK : GDH ภาพประกอบสวยๆจาก FACEBOOK : GDHภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 และสามารถติดตามบทความอื่นได้ทาง ดูจบแล้วมารีวิว ครับ ขอบคุณที่อ่านบทความครับผมอัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!