Somewhere I have Never Travelled (2007)E.E. Cummings คือนักกวีชื่อดังของอเมริกาที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1894-1962 โดยสไตล์การเขียนของเขาเป็นที่เลื่องลือเนื่องจากความแหวกขนบ ไม่มีสัมผัสคล้องจองและไวยากรณ์แต่กลับให้ความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ หนึ่งในบทกวีชื่อดังของเขาก็คือ “Somewhere I have Never Travelled” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ สื่อความหมายตรงตัวเรื่องการจินตนาการถึงสถานที่ที่ตัวละครในเรื่องไม่เคยได้เดินทางไป แต่ในขณะเดียวกันหนังก็พาคนดูเข้าไปรู้จักโลกอันซับซ้อนไม่เหมือนใครของตัวละครด้วยเช่นกันเรื่องราวนั้นแบ่งเป็นสองช่วงเกี่ยวกับเด็กสาววัยประถมชื่อ อากุย (Li Yun) ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ติดชายทะเลของไต้หวันกับครอบครัวซึ่งไม่ได้สมบูรณ์พร้อม พ่อนั้นวันๆ เอาแต่เมาหัวราน้ำ ส่วนแม่ก็หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่เธอยังเล็ก อากุยจึงถูกเลี้ยงดูมาโดยอาม่าซึ่งกลายเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวซึ่งเธอก็ดูมีความสุขดี เว้นเสียแต่ว่าเธอเกิดมาพร้อมกับอาการตาบอดสีซึ่งอากุยเองก็ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งผิดปกติอะไรอากุยนั้นตัวติดสนิทกับญาติใกล้บ้านที่ชื่อว่า อาเฉียน (Austin Lin) หนุ่มน้อยผู้มีความฝันอยากจะท่องโลกกว้าง เขาจึงหัดพูดภาษาอังกฤษและเล่าเรื่องประเทศต่างๆ ที่ได้อ่านจากหนังสือให้อากุยฟังบ่อยๆ ในแต่ละมุมโลกต่างมีวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เรื่องเล่าของบางคนนั้นก็ฟังดูเหลือเชื่อเช่นผู้หญิงที่กินหินเป็นอาหาร ฯลฯ อากุยเองก็สงสัยว่าแล้วการที่เธอตาบอดสีนั้นคือสิ่งที่แปลกหรือเปล่า อาเฉียนจึงตอบว่า“ถ้าทุกคนๆเหมือนกันไปหมด โลกนี้ไม่น่าเบื่อแย่เลยเหรอ”จนวันที่อาเฉียนได้เจอกับนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งและอาสาพาเขาไปเที่ยวรอบๆเมือง อากุยในวัยเด็กนั้นยังดูไม่เข้าใจอะไรมากมายว่าเหตุใดเมื่อนักท่องเที่ยวคนนั้นขึ้นเรือออกไปจากเมืองนี้ในวันรุ่งขึ้น อาเฉียนถึงได้ดูอาลัยขนาดนั้นกระทั่งเวลาผ่านไปเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยมัธยม อาการตาบอดสีเริ่มส่งผลกับการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างของอากุยเช่นการที่เธอไม่สามารถแต่งหน้าตัวเองให้ดูเหมือนคนอื่นได้เพราะการเห็นสีที่ต่างกัน มาจนถึงเรื่องความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของทั้งคู่ที่เริ่มเปลี่ยนไป เมื่ออากุยได้อยู่ในเหตุการณ์ที่อาเฉียนนั่งคุยเรื่องอนาคตที่ต้องการจะเดินทางไปทั่วโลกกับแฟนหนุ่มของเขาบนเรือลำเล็กที่ลอยคว้างอยู่กลางแม่น้ำ“ที่ที่เรายังไม่เคยไป” มันจะเหมือนเรื่องที่พี่ชายเคยเล่าไว้จริงๆ หรือเปล่า?รวมถึงเรื่องที่อาเฉียนเคยบอกไว้ว่า มีเกาะแห่งหนึ่งบนโลกที่ทุกคนจะมียีนส์ตาบอดสีเหมือนกันหมดนั้น สรุปว่ามันมีจริงๆ ไหม หรือเป็นเพียงแค่เรื่องที่พี่ชายต่างบ้านแต่งขึ้นมาเพื่อปลอบใจเธอเฉยๆตอนนั้นเองที่อากุยเองเพิ่งจะรู้ว่า ถึงแม้จะเติบโตมาด้วยกันจนสนิทชิดเชื้อ แต่เธอเองอาจจะยังไม่ได้เข้าใจอะไรโลกของอาเฉียนเลยสักนิดเดียว Somewhere I have Never Travelled ได้เปิดโลกของเราเกี่ยวกับมุมมองทางเพศสภาพของไต้หวันในช่วงปี ค.ศ.2009 ที่ยังไม่หลากหลายเท่าปัจจุบัน โดยพาคนดูไปสำรวจชีวิตของอากุยในวัยเด็กและมัธยมซึ่งค่อยๆ มองโลกเปลี่ยนไป จากสิ่งที่เธอคิดอย่างใสซื่อว่ามันเป็นปกติก็เริ่มกลายเป็นแปลกในสายตาของคนรอบข้าง นั่นรวมถึงการที่พี่ชายคนสนิทที่ชอบผู้ชายด้วยกัน เป็นเหมือนการสำรวจสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่งซึ่งมนุษย์ทั่วไปให้คำจำกัดความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปกติ โลกที่เราเข้าไม่ถึง โลกที่เราไม่เคยเดินเข้าไป แต่หนังก็ไม่ตัดสินว่ามันถูกหรือผิด เพราะอย่างที่ตัวอาเฉียนได้พูดไว้ว่านั่นคือความแตกต่างที่สร้างสีสันให้กับโลก เกาะแห่งหนึ่งที่คนทั้งเกาะเต็มไปด้วยคนตาบอดสี หรือจะเป็นอาณาจักรบางแห่งที่มีความรักระหว่างคนสองคนอบอวลอยู่จนอีกคนไม่สามารถเข้าไปได้..จริงๆ แล้วเขากันเราเอาไว้ หรือเราเป็นคนถอยออกมาเอง ..แม้แต่คนที่คิดว่าน่าจะมีอะไรคล้ายกันแต่สุดท้ายมันก็ต้องมีอะไรแตกต่างเสมอ โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถสื่อมันออกมาได้อย่างดี โดยเสาที่แบ่งคั่นอากุยและอาเฉียนเอาไว้นอกจากในเรื่องเนื้อหาแล้ว เรายังสามารถอิ่มเอมใจไปกับ Cinematics ของเมืองริมทะเลที่ไม่ได้ห่างไกลเป็นชนบทเสียทีเดียว แต่สอดแทรกวิถีชิวิตของชาวไต้หวันในมุมเล็กๆ นี้ให้เราได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นอากุยช่วยอาม่าจ่ายตลาด, การโดยสารด้วยเรือของชาวเมือง, หรือยามเย็นที่อากุยและอาเฉียนปั่นจักรยานเล่นกันริมทะเลโดยมีภาพเบื้องหลังเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงรายตรงท่าเรือนับว่าเป็นหนังเล็กๆ อีกเรื่องที่สามารถเอนกายดูหลังเลิกงานสบายๆ ผ่อนคลายไปกับภาพการใช้ชีวิตของหนุ่มสาวชาวไต้หวันในยุคนั้นพร้อมแง่คิดที่สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง อย่างที่ตัวผู้เขียนเองก็ได้มุมมองใหม่ๆ เช่นกัน ใครอยากจะระบายทุ่งหญ้าเป็นสีแดง หรือจะท้องฟ้าเป็นสีเขียวก็ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น กรอบทุกอย่างคือสิ่งที่มนุษย์สร้างเอง ไม่มีใครกำหนดชีวิตเราได้ ดำเนินมันต่อไปเถอะ เพราะถ้ามนุษย์นี้ไม่มีอะไรแตกต่าง มันคงน่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละ ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง ที่นี่ขอบคุณรูปภาพจากค่าย Wu's Production Co. Ltd. และ Official Page (ภาษาจีน) รูปหน้าปก / รูปประกอบที่1 / รูปประกอบที่2 / รูปประกอบที่3 / รูปประกอบที่4