หากเราลองวิเคราะห์หน้าที่หรือฟังก์ชั่นของภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติใดนั้นหลักๆ จะมีอยู่สองอย่างนั่นคือสะท้อนภาพความจริงให้แก่คนดู หรือพาคนดูออกจากโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้กำกับว่าต้องการจะใช้กลวิธีเล่าเรื่องกับคนดูในแง่ใด แต่ในปลายทางนั้น ภาพยนตร์มักจะสื่อสารข้อความบางอย่าง หรือที่เราเรียกกันว่า Message ให้กับคนดูเสมอ และเสน่ห์อีกอย่างของภาพยนตร์ก็คือการที่เราจะได้ตีความ Message นั้นในมุมมองต่างๆ กัน นั่นเป็นเพราะภูมิหลังของคนดูแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนั่นเอง เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะจำความสนุกที่เกิดขึ้นหลังเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ที่เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับเพื่อน หรือแม้แต่เก็บเอาภาพในเรื่องไปนอนคิดอยู่ทั้งคืนก็เป็นได้ "ดูหนังหลังเลิกงาน" จะเป็นการรีวิวภาพยนตร์หลากหลายแนว บางเรื่องมีฉายถูกลิขสิทธิ์ทาง Platform ออนไลน์ บางเรื่องอาจต้องไปคุ้ยกระบะหาในร้านขายหนัง แต่รับรองว่ามีคุณภาพควรค่าแก่การเอนกายบนเบาะโซฟาในบ้านเราสบายๆ แล้วลองหามาชมไปด้วยกันหลังเลิกงานThe Counterfeiters (2007)ในครั้งนี้ขอเสนอหนังสัญชาติออสเตรีย (แต่พูดภาษาเยอรมัน) กำกับโดย Stefan Ruzowitzky ที่ดัดแปลงมาจากเค้าโครงเรื่องจริงอย่าง Counterfeiters โดยการันตีคุณภาพด้วยการชนะเลิศรางวัล Academy Award สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมปี 2007 และยังถูกเลือกให้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่ Berlin และ Toronto อีกด้วยโดยเนื้อเรื่องนั้นเกี่ยวกับชีวิตของ Salomon Sorowitsch (รับบทโดย Karl Markovics) ในช่วงปีค.ศ.1936 ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่ปี ซึ่งเขาถูกจองจำอยู่ในค่าย Mauthausen ของนาซี โดยก่อนถูกจับกุมเป็นเชลย ตัวเขาเป็นชาวยิวผู้ชำนาญการในเรื่องการปลอมแปลงพาสปอร์ตและเงินตรา ซึ่งขณะต้องทนทุกข์อยู่ในค่าย Solomon กลับใช้ความสามารถพิเศษให้เป็นประโยชน์ด้วยการวาดรูปเหมือนให้เหล่าครอบครัวของผู้คุม ทำให้เหล่าทหารพึงพอใจและตบรางวัลด้วยอาหารพิเศษเล็กๆ น้อยๆ แก่เขา และนั่นทำให้ชื่อเสียงของ Solomon เริ่มแพร่กระจายมากขึ้นจนชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากนั้นวันหนึ่ง Salomon ถูกคุมตัวและย้ายมายังค่าย Sachsenhausen ซึ่งเขาพบว่าเป็นที่รวมตัวของชาวยิวซึ่งมีทักษะในด้านการพิมพ์ และเป็นเพราะพรสวรรค์ในการลอกเลียนแบบของเขา จึงถูกมอบหมายให้เป็นหัวเรือใหญ่ในโครงการลับของนาซีที่ชื่อว่า Project Bernhard นั่นคือการปลอมแปลงเงินสกุลปอนด์ โดยใช้สมองของ Salomon ในการตรวจสอบความเหมือนเพื่อคัดลอกรายละเอียด และใช้แรงงานจากเชลยที่ถนัดเรื่องการพิมพ์แบงค์มาประกอบกัน โดยนาซีต้องการปล่อยเงินปลอมนี้เข้าสู่ระบบเพื่อปั่นป่วนให้เศรษฐกิจของอังกฤษซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรนั้นระส่ำระส่าย โดยรางวัลของเชลยชั้นดีเหล่านี้ก็คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในทุกๆ วันเขาจะมีอาหารดีๆ ให้ทาน มีน้ำให้อาบ มีเตียงนุ่มๆ ให้นอน บางครั้งก็ยังมีการแสดงรื่นเริงให้ชมเป็นครั้งคราว แต่นักโทษก็ยังคงเป็นนักโทษ หากมีการตุกติกขัดขืน พวกเขาก็จะต้องถูกลงโทษจึงเกิดการตั้งคำถามขึ้นว่าเราจะยินยอมขายวิญญาณร่วมมือกับฝั่งนาซีเพื่อจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นเช่นนี้ หรือหาทางปลดแอกต่อต้านเหมือนกับ Adolf Burger (August Diehl) สหายนักพิมพ์ที่ Salomon เจอในค่ายและแอบลอบทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ Project Bernhard นี้สำเร็จCounterfeit (N.) = ของปลอมแปลงเป็นโครงเรื่องที่น่าสนใจซึ่งพูดถึงโครงสร้างชนชั้นของมนุษย์ที่ยังคงมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้กับในกลุ่มนักโทษด้วยกันเองนั้นก็ยังมีโลกระหว่างนักโทษชั้นดีผู้มีความสามารถกับนักโทษชั้นรองที่วันๆได้แต่รอความตาย โลกที่ถูกกั้นด้วยกำแพงอิฐ ที่ด้านหนึ่งมีเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง แต่อีกฟากมีเสียงปืนดังขึ้นทุกวัน กำแพงเหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นโดยกลุ่มคนหยิบมือซึ่งมีอาวุธที่เรียกว่าอำนาจและในประเด็นนี้เองก็คือความขัดแย้งใหญ่ของเรื่องที่สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในการกระทำแต่ละอย่างของตัวละคร Solomon และ Burger เมื่ออุดมการณ์นั้นขัดแย้งกับหน้าที่ ณ สถานการณ์แบบนั้นอะไรที่จะทำให้เรามีชีวิตรอดกันแน่ เป็นคำถามที่ชวนขบคิดทางด้านเทคนิคการถ่ายทำและตัดต่อนั้น ถึงแม้จะเป็นหนังที่เล่าเรื่องในยุคก่อนสงครามโลกและออกฉายมากว่า 13 ปีแล้ว แต่การดำเนินเรื่องนั้นฉับไวและกระชับ งานภาพที่เห็นได้ชัดที่สุดคือในช่วงยุครุ่งเรืองของ Solomon ก่อนและหลังออกจากค่ายกักกันนั้นใช้โทนสีที่สว่างสดใส มีทั้งหญิงสาวข้างกาย เงินตราที่ใช้ได้สุรุ่ยสุร่าย ผิดกับเมื่อตอนที่เขาถูกจับตัวไปแล้วนั้น ความทรมานในค่ายกักกันก็กลายเป็นงานภาพแนว Handheld โทนสีที่หม่นขึ้นและภาพ Grain เหมือนกับเวลาเราเห็นจากกล้องฟิล์มสมัยก่อนหลังจากปมหลายๆ อย่างที่คลี่คลายลง หนังยังคงทิ้งท้ายคำถามถึงความสำคัญของ "เงินตรา" สิ่งที่ส่งผลกระทบตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง กับตัว Solomon เองนั้นที่ความสามารถของเขาก่อให้เกิดเงินมหาศาลที่บันดาลความสุข แต่ปลายทางแล้วนั้น เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้จริงๆ หรือหรือเป็นเพียงของปลอมแปลงที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์จอมปลอมปัจจุบันภายนอกของนักปลอมแปลงคนนี้เท่านั้นโลกอดีตในค่ายกักกันนั้นต่างหากกลับดูจริงและได้อะไรมาเยอะมากกว่าที่เขาคิดอย่างที่กล่าวไปว่าหน้าที่ของภาพยนตร์อย่างหนึ่งคือการเปิดโลกแก่ผู้ชมThe Counterfeiters เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างผลงานที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่เราคงไม่เคยได้สัมผัสของค่ายกักกันนาซี ไม่เพียงแต่ในด้านที่โหดร้าย แต่ยังเห็นเรื่องมิตรภาพของเชลยศึก การต่อสู้ทางความคิด การแบ่งชนชั้น ความเฟื่องฟูและตกอับในยุคสมัยเพียงชั่วครู่เดียวของตัวละคร ที่ถึงแม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีประเด็นสากลที่ปัจจุบันเรายังคงนำมาขบคิดต่อได้อยู่ดี คุณสามารถ ลองชมภาพยนตร์ตัวอย่างที่นี่ขอบคุณภาพจาก IMDb