เรามักได้ยินเสียงทอดถอนใจของเพื่อน ๆ “เหนื่อยจังเลย” ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พนักงานออฟฟิศ เจ้าของกิจการ นักศึกษา กระทั่งเด็ก ๆ ก็ร้องว่าเหนื่อยดูเหมือนว่าทุกคนไม่ได้อยู่กันอย่างผ่อนคลายนัก “ปัญหาอยู่ที่ไหน ความสุขในอดีตหายไปไหน” แรงกดดันในชีวิตของคนยุคใหม่ทำให้ประสาทตึงเครียดตลอดเวลาอารมณ์หงุดหงิด ไม่อยากสัมพันธ์สุงสิงกับใคร ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานต่ำ ทำผลงานได้ไม่ดี ส่งผลให้คิดไม่ตก มักจะหงุดหงิดฉุนเฉียวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำร้ายคนใกล้ชิดโดยไม่ได้ตั้งใจ... ขอบคุณภาพจาก freepik.comหากปล่อยให้เป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง? มีคนโทษว่าเป็นเพราะการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ทำให้เศรษฐกิจไม่ดีข้าวของทุกอย่างขึ้นราคา เงินเดือนกลับลดลง หุ้นก็ตก แต่ทุกวันหลักเลิกจากการทำงานล่วงเวลา กลับถึงบ้านก็ยังอยู่เฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ดูรายการเสวนาการเมือง ดูน้ำลายแตกฟองบนจอ บางคนโทษว่าตัวเองเกิดมาอาภัพ ไม่มีโอกาส งานก็หายาก อายุเกือบสามสิบแล้วยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ แต่พอมีโอกาสได้สอบสัมภาษณ์ก็ยังเลือกงานหาว่าเงินเดือนน้อย งานไม่ดี สุดท้ายก็ไม่ทำ ชีวิตได้มาจากคนอื่น ไม่อาจเลือกได้ว่าจะเกิดในครอบครัวไหน แต่คุณกำหนดชีวิตของคุณเองได้ คุณเลือกได้อย่างเต็มที่ว่าจะอยู่อย่างสบายใจหรืออยู่อย่างขมขื่น ขอบคุณภาพจาก freepik.comเมื่อไม่นานมานี้เพื่อนที่เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลบ่นให้ฉันฟัง “เดี๋ยวนี้งานที่ทำอยู่ถึงจะรายได้ดีแต่เจ้านายเรียกร้องสูงมาก” นโยบายทุกอย่างที่เขาสางไว้ต้องให้ผู้จัดการแผนกกำหยดแผนการอย่างละเอียดจากนั้นก็เปลี่ยนแผน ตัดแผน แล้วกำหนดแผนใหม่ จนแน่ใจว่าไม่มีช่องโหว่แม้แต่นิดเดียวจึงเริ่มลงมือ เจ้านายยังเป็นคนบ้างาน เรียกร้องพนักงานให้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่องาน ไม่ยอมให้เวลาผ่านไปแม่แต่นาทีเดียว ทำงานล่วงเวลาเป็นประจำและยังบอกว่าเวลาพักกินอาหารกลางวันสามสิบนาทีสามารถประหยัดได้แปดนาทีเพื่อเอาไว้ทำงาน ฉันทำงานวันละสิบชั่วโมงและงานยุ่งตลอดเวลา แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่นึกถึงเงินเดือนหกหมื่น ฉันคงย้ายไปที่อื่น...” เงินหกหมื่นเหรียญก็สามารถซื้ออิสรภาพของคนเก่งได้ นี่เป็นงานในอุดมคติของคุณ ถ้าเป็นฉันคงไม่คิดอย่างนั้นแน่ “เหนื่อย” มีสองอย่าง เหนื่อยกายกับเหนื่อยใจ เหนื่อยกายพอพักก็หาย แต่เหนื่อยใจเป็นเพราะความตึงเครียดที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้สูญเสียพลังมากเกินไป ไม่ได้ดูแลจิตใจให้ดี การที่คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไป ด้านหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันในชีวิตมีมากจริง ๆ อีกด้านหนึ่งเกี่ยวข้องกับท่าทีและวิธีการในการแก้ปัญหาของตัวเอง เช่น คิดว่าถ้าทุ่มเทอย่างหนักก็จะได้รับคำชมจากเจ้านาย จึงขาดความมั่นคงในการทำงาน กังวลตลอดเวลาว่าจะถูกไล่ออกจากงาน ขอบคุณภาพจาก freepik.comคนที่มีความสุขจะทะนุถนอมทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเอง จะไม่ถูกหลอกล่อด้วยเงินจนเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดและต้องตอบแทนด้วยชีวอตจนครอบครัวต้องเดือดร้อน การทำงานกับการใช้ชีวิตควรมีเส้นแบ่งที่ชัดเจน ชีวิตหลังเลิกงานควรผ่อนคลายอย่างเต็มที่ พักผ่อนอย่างเต็มที่ กลับถึงบ้านควรจะแช่น้ำอุ่นคุยเล่นกับครอบครัว เพื่อนฝูง ทำกิจกรรมนอกบ้านเป็นประจำ วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ออกไปเที่ยว หาอะไรที่เพลิดเพลินทำเพื่อคลายเครียด เช่น เล่นเกมส์ออนไลน์ อ่านหนังสือ ฯลฯ ถ้าเหนื่อยเป็นเวลานานจนรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง อาจลองใช้อโรมาเทอราปี ซึ่งปัจจุบันต่างประเทศนิยมใช้เพื่อผ่อนคลายจิตใจ ถ้ายังไม่ได้ผลควรกำหนดบทบาทของตัวเองซะใหม่ ลองประเมินความสามารถของตัวเองใหม่ลองคิดดูว่าควรจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตดีไหม ในประเทศแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นก็เริ่มใช้ดนตรีบำบัดที่ทางยุโรปและอเมริกาใช้มานานเพื่อลดความรู้สึกกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าหมอ ทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่วิธีรักษาแบบนี้ไต้หวันยังไม่ได้เริ่มใช้น่าเสียดายมาก ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเป็นปัญหาก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ ขอบคุณภาพจาก freepik.comการสัมพันธ์ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ทำให้ทุกข์ใจ คุณจะรู้สึกเหนื่อยและมีแรงกดดันมาก เพราะฉะนั้นถ้าอีกฝ่ายหนึ่งสร้างแรงกดดันให้คุณมากเกินไป คุณก็สามารถตัดสินใจยุติความสัมพันธ์เพื่อให้จิตใจได้ผ่อนคลายบ้าง รักษาสภาพจิตใจให้สมดุลและสงบ ฝึกสมองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้ร่าเริง การจัดการปัญหาก็ต้องทำใจ ถ้าแก้ได้ก็ดี ถ้าแก้ไม่ได้ก็ให้ถือว่าเป็นโชคชะตา หากมีปัญหาอะไรไม่สบายใจควรปรึกษาครอบครัวและเพื่อนสนิทถ้ารุนแรงก็อาจจะปรึกษาจิตแพทย์ สรุปแล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป ถ้าเหนื่อยก็ต้องพัก พักเพื่อจะได้เดินทางต่อไปอีก “เมื่อจิตใจสงบจึงจะมีพลังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นและเมื่อสัมพันธ์กับคนอื่นได้ดี ในสภาพจิตใจที่สงบ ความสำเร็จก็จะตามมาเองค่ะ”