“วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้กับเชลซีให้ได้” นี่คือคำพูดของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่พูดเอาไว้ในเกมที่คุณวิชัยได้เขาไปดูทีมเชลซีลงแข่งขันฟุตบอลในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรคนปัจจุบันเคยพูดถึงการเข้ามาซื้อทีม เลสเตอร์ ของคุณพ่อในหนังสือ ชื่อว่า "เดอะ แฟรี่เทล ออฟ อันเดอร์ฟ็อกซ์" โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 2005 ก่อนเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี ซึ่งเดิมที คุณวิชัย เป็นแฟนบอลของเชลซี ได้พาครอบครัวเข้าไปเชียร์ทีมรักตามปกติ แต่มีปัญหาที่เกือบบานปลาย ซึ่งการ์ดสนามเกือบเอาเครื่องสแกนวัตถุมากระแทกที่คาง ทำให้เขาต้องใช้มือปัด และการ์ดสนามก็ไม่พอใจเหตุการณ์วันนั้นสร้างความไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากเขาเข้าชมเกมในฐานะลูกค้าที่ซื้อบ็อกซ์วีไอพีของ เชลซี และยังเป็นทีมแรกในอังกฤษที่ซื้อป้ายโฆษณา "คิง เพาเวอร์" ในสนามอีกด้วย ก่อนตัดสินใจหยุดการสนับสนุน และไม่เข้าชมเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในฐานะแฟนบอลอีกต่อไป พร้อมบอกกับ คุณอัยยวัฒน์ ว่า "วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้กับเชลซีให้ได้” ในฤดูกาล 2010-11 คุณวิชัย และคุณอัยยวัฒน์ สองพ่อลูกแห่งคิงเพาเวอร์ เทกโอเวอร์ เลสเตอร์ ต่อจากมิลาน มันดาริช และค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีมเป็นลำดับ มีการเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนนักเตะมาเรื่อยๆ จนทีมมีอันดับดีขึ้นทุกปี จนในฤดูกาล 2012-13 เลสเตอร์ก็จบอันดับที่ 6 ในแชมป์เปียนชิพและได้ตั๋วเพลย์ออฟเพื่อจะเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในพีเมียร์ลีก แต่สุดท้ายก็พลาดท่าโดนทีเด็ดของวัตฟอร์ดไปในช่วงทดเวลานาทีที่ 90+6 หลังจบเกมมีกระแสข่าวประโคมว่าควรปลดไนเจล เพียซสัน ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในตอนนั้นเพราะทำทีมแพ้และพลาดโอกาสขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่ทาง คุณ อัยยวัฒน์กลับบอกว่า "ผมบอก ผมไม่ไล่ พ่อก็บอกเหมือนกัน ว่าไม่เปลี่ยน เปลี่ยนไปก็เท่านั้น ทำไมไม่ลองใหม่" จนในฤดูกาลต่อมาเลสเตอร์โชว์ฟอร์มร้อนแรงเก็บแต้มไป 102 คะแนน จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งจ่าฝูง คราวนี้ไม่จำเป็นต้องไปลุ้นเพลย์ออฟอีกแล้วเพราะได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติจากการเป็นแชมป์แชมเปียนชิพ ความพยายามในปีที่ผ่านๆมาไม่สูญเปล่าเลยจริงๆ ทุกๆคนทั้งนักเตะ โค้ช แฟนบอลหรือเจ้าของทีมเองก็ตามทุกคนมูฟออนจากความเจ็บปวดเมื่อปีที่แล้ว แล้วนำมันมาเป็นพลังส่งให้เลสเตอร์ขึ้นชั้นไปยังพรีเมียร์ลีกอย่างสวยงาม ฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ไม่ได้สวยงามเหมือนที่ใครหลายคนวาดฝันไว้ พวกเขาต้องดิ้นรนหนีตกชั้นอย่างหนัก ก่อนจบด้วยอันดับที่ 14 ในปีนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญของเลสเตอร์ ดูเหมือนจะเป็นการที่วิชัยตัดสินใจสั่งปลด ไนเจล เพียซสัน และแต่งตั้งเคลาดิโอ รานิเอรี่ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ก่อนฤดูกาล 2015/16 จะเริ่มขึ้น ฤดูกาล 2015/16 เลสเตอร์ ถูกวางให้เป็นทีมท้าย ๆ ที่มีสิทธิ์จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ในปีนั้นเองเลสเตอร์ได้หักปากกาเซียนทุกสำนัก ฉีกทุกคำทำนายทะยานขึ้นไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้อย่างยิ่งใหญ่ และเขียนเทพนิยายเลสเตอร์ ไว้เป็นตำนาน และเรื่องนี้คงจะถูกพูดถึงไปอีกนานแน่นอน แต่ความสำเร็จของเลสเตอร์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนเพราะหลังจากนั้นแม้จะต้องเสียโค้ชไป เสียนักเตะตัวหลักอย่าง ริยาร์ด มาเรซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และยังมาเสียคุณ วิชัย จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกไปอีกคนแต่ทางสโมสรก็สามารถรักษาระดับของตัวเองไว้ได้จนมีคนบางกลุ่มเรียกทีมเลสเตอร์ว่า Big 7 ซึ่งเป็นชื่อเรียกของทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, สเปอร์, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ จากนั้นเวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ 16 พ.ค. 64 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2020-2021 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ เฉือนชนะ เชลซี 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรกอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นดั่งคำที่คุณวิชัยเคยกล่าวเอาไว้ว่า "วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้กับเชลซีให้ได้” ซึ่งในวันนี้ก็สามารถทำได้จริงๆ เลสเตอร์สามารถเอาชนะเชลซีและไปคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคมปี 2021 จะเป็นวันครบรอบ 3 ปีของอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ด้านนอกสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม โดยมีคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้, พนักงานติดตามคือ นายกวีพร พรรณแพร และนางสาวนุสรา สุขหน้าไม้, นักบินคือนายเอริก สวาฟเฟอร์ และ นางสาวอิซาเบลา โรซา เลโควิช ร่วมเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งนี้ทางผู้เขียนขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกคนนะครับ และบทความนี้เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึง คุณ วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ที่พาทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นทีมระดับแนวหน้าของพรีเมียร์ลีก จากมุมมองส่วนตัวของผมแล้วทั้งคุณวิชัย และคุณ อัยยวัฒน์ เป็นเจ้าของทีมที่ดีมาก พร้อมให้โอกาสทั้งโค้ชทั้งนักเตะให้ทำงานต่อแม้ผลงานจะออกมาน่าผิดหวังก็ตาม ส่วนเรื่องการซื้อใจแฟนบอลและนักเตะไม่ต้องพูดถึง ในวันที่มีแข่งทางสโมสรจะมีการแจกน้ำดื่ม เบียร์ และขนม ให้แก่แฟนบอลที่เข้ามาชม และยังมีบริการรถบัสรับส่งแฟนบอลอีกด้วย จากดีเทลเล็กๆตรงนี้แหละที่ทำให้คุณวิชัยได้รับใจจากแฟนบอลเลสเตอร์ทุกคนเลยทีเดียว สำหรับการบริหารทีมก็สุดยอดไม่แพ้กัน การให้แมวมองไปหานักเตะคุณภาพดีแต่ราคาถูกเข้าสู่ทีมแล้วค่อยๆเจียระไนจนกลายเป็นยอดนักเตะได้ เช่น ริยาร์ด มาเรซ, เจมี่ วาร์ดี้, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เบน ชิลเวลล์, แฮรี่ แมคไกวว์ เป็นต้น ซึ่งเกือบทั้งหมดนี้ถึงจะไม่อยู่กับทีมแล้วแต่สโมสรก็ขายนักเตะเหล่านี้ได้กำไรมหาศาลและยังหาตัวแทนมาเล่นได้อีกด้วย นับว่าทีมงานแมวมองมีคุณภาพมากๆ จากเหตุผลทั้งหมดมานี้แม้ใครจะบอกว่าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์เอฟเอ คัพ เลสเตอร์ได้มาเพราะโชคช่วยหรือปาฏิหาริย์ก็แล้วแต่ แต่ผมคิดว่าแชมป์ที่ได้มาเกิดจากความพยายามของทุกๆส่วนในสโมสร ทั้งนักเตะ แฟนบอล ผู้บริหาร ทีมงานสต๊าฟโค้ช หรือแม่บ้านในสโมสรทุกคนล้วนมีส่วนในการสร้างทีมเลสเตอร์ขึ้นมา และบรรยากาศดีๆในสโมสรแห่งนี้เริ่มขึ้นมาจากการทำงานของ สองพ่อลูกตระกูลศรีวัฒนประภา ที่มาขีดเขียนนิยายจิ้งจอกให้โด่งดังไปทั่วโลก เครดิตรูปภาพ ขอขอบคุณ ภาพปก โดย jorono จาก Pixabay ขอขอบคุณ ภาพที่ 1 จาก Facebook : a book Publishing ขอขอบคุณ ภาพที่ 2 โดย ahundt จาก Pixabay ขอขอบคุณ ภาพที่ 3 จาก Facebook : Leicester City Football Club ขอขอบคุณ ภาพที่ 4 จาก Facebook : Leicester City FC Thailand ขอขอบคุณ ภาพที่ 5 จาก Facebook : Watford FC ขอขอบคุณ ภาพที่ 6 จาก Facebook : Leicester City FC Thailand ขอขอบคุณ ภาพที่ 7 จาก Facebook : Leicester City Football Club ขอขอบคุณ ภาพที่ 8 จาก Facebook : Leicester City Football Club ขอขอบคุณ ภาพที่ 9 จาก Facebook : Leicester City Football Club ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !