ติวตอกไผ่ไม้เหลาเอาคมเฉียบขูดจนเรียบอังไฟให้ความเหนียวธรรมชาติผสานผสมกันกลมเกลียว เหมือนยึดเหนี่ยวคนกับป่ามาเนิ่นนานคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่าสมัยโบราณนั้นการตัดสายสะดือจะใช้ไม้ไผสะอาด ๆ มาเหลาทำตอกบาง ๆ เพื่อใช้แทนมีดโกน และกรรไกร อุปกรณ์น่าทึ่งชิ้นนี้มีความคมดุจมีดโกน ตัดสายสะดือได้ง่ายในปาดเดียว ซึ่งชาวอีสานเรียกมันว่า “ตอกติว”แม้จะเกิดไม่ทันในยุคสมัยดังกล่าว แต่คุณยายก็ยืนยันว่าตอกติวนี้คมจริง ผู้เขียนจึงได้ทำการพิสูจน์ความคมด้วยตนเอง ผลลัพธ์จะเป็นเช่นใดนั้น ไปติดตามพร้อมกันเลยค่ะทำการทดสอบว่าตอกติวมีความคมมากแค่ไหน-ด้วยความอยากรู้จึงให้ผู้ชำนาญด้านการเหลาตอก ทำตอกติว ขูดคมด้วยมีด แล้วนำไปอังไฟเพิ่มความเหนียว ก่อนจะนำมาทดสอบด้วยการผ่ามะนาว ผลปรากฏว่า..ตอกติวสามารถกรีดเข้าเนื้อมะนาวได้อย่างน่าทึ่ง!จากการทดสอบ..ขอยืนยันว่าตอกติวนี้คมมาก แม้นจะเป็นเพียงริ้วไม้ไผ่ แต่ความคมของตอกติวนั้นดุจมีดโกน บาง แต่คมจนสามารถใช้ผ่ามะนาวทั้งลูกแทนมีดได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงไม่แปลกใจว่าทำไมมาตอกติวจึงสามารถตัดสายสะดือหรือสายแห่ (รกเด็กในภาษาอีสาน) ให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย และมันสามารถเรียกเลือดจากมือเราได้หากใช้ไม่เป็นส่วนใดของไม้ไผ่ที่นำมาทำตอกติวได้ไม้ไผ่ ไม่สามารถนำมาทำตอกติวได้ทั้งลำ แต่จะเลือกใช้เฉพาะส่วนผิวไม้ไผ่ ซึ่งคำว่า “ติว” หมายถึง ผิว นั่นเอง ไม้ไผ่นั้นควรเป็นไม้ไผ่แห้งแบบหมาด ๆ เพราะถ้าแห้งมากจะเป็นเสี้ยน แต่ถ้าไม่แห้งเลยก็จะหาความคมได้ยาก ตอกติวใช้ผ่าฝี ตัดฝีได้ด้วย-ด้วยความคมของตอกติวที่ตัดสายสะดือ ผ่ามะนาวได้ การตัดฝี ผ่าฝีจึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่จะมีขั้นตอนพิธีกรรมทางความเชื่อมาเกี่ยวข้อง นั่นเพราะคนอีสานในสมัยก่อนเชื่อว่าฝี เป็นอาการเจ็บป่วยผิดปกติ ผิดธรรมชาติ จำต้องมีพิธีสูญฝีด้วยการทาปูนกินหมาก จากนั้นผู้รักษาจะเป่าคาถา ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคาดว่า การทาปูนกินหมากลงบนฝีนั้นจะทำให้หัวฝีแห้งเร็ว ฝีจึงหายได้เอง แต่ถ้าฝีที่ไม่ยอมแตกก็จำเป็นที่จะต้องผ่าด้วยตอกติว เพื่อทำการเอาหัวฝีเจ้าปัญหานั้นออกมาปัจจุบันเรามักจะพบตอกติวในบริบทของการนำไปทำเครื่องจักสานจำพวกตระกร้า หมวก รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ เพราะมีความเหนียว คงทน และสวยงามคลาสสิค ภาพประกอบโดยผู้เขียน