เมื่อปี 1986 - 1989 การระบาดของตั๊กแตนทะเลทรายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ผ่านไปสามทศวรรษก็กลับมาสร้างวิบัติภัยระดับโลกอีก แมลงที่ไม่มีกระดูกสันหลัง สมองเล็กนิดเดียว แต่ระบบกลไกต่าง ๆ ในร่างกายน่าอัศจรรย์ใจ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่คู่โลกมาก่อนไดโนเสาร์นี้ คือโปเกม่อนในโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อทะเลทรายกลายเป็นทะเลสาบจากรายงานของสำนักข่าวนานาชาติ วารสารวิทยาศาสตร์ สารคดีของ BBC และข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดเริ่มต้นของการระบาดรอบนี้คือคาบสมุทรอาหรับตั้งแต่เดือนพ.ค. ปี 2018 สภาพภูมิอากาศวิปริตในรอบ 20 ปี อุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรอินเดียสูงขึ้น เกิดพายุไซโคลนกระหน่ำทะเลทรายในคาบสมุทรอาหรับ หลังจากนั้น ฝนก็ตกหนักถี่ผิดปกติในภูมิภาคนี้จนถึงปลายปี 2019 ทำให้หลายประเทศต้องเผชิญกับน้ำท่วมสูงเป็นประวัติการณ์ ทะเลทรายที่เคยแห้งแล้ง กลับมีน้ำฝนท่วมขังตามแอ่งระหว่างเนินทราย จนกลายเป็นทะเลสาบน้อยใหญ่เต็มไปหมดอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อน้ำท่าอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทุ่งหญ้าจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งตั๊กแตนทะเลทราย ธรรมชาติคัดสรรทุก 6 - 11 วัน ตั๊กแตนตัวเมียที่รวมฝูงจะวางไข่ โดยการเจาะปลายลำตัวลงไปในผืนทราย หรือดินร่วนปนทรายลึกราว 8 – 12 เซนติเมตร ปล่อยโฟมขาวขุ่นออกมาเพื่อเคลือบฝักที่ห่อหุ้มไข่ 80 ฟองอีกทีหนึ่ง การปกป้องชั้นเยี่ยมนี้ช่วยให้ทนต่อสภาพฝนแล้งได้นานถึง 20 ปี ยิ่งไปกว่านั้น โฟมยังทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อไปในตัว อัตราการรอดจึงสูงมาก นอกจากนั้นโฟมนี้ยังส่งกลิ่นดึงดูดตัวเมียตัวอื่น ๆ ให้มาวางไข่บริเวณใกล้เคียงกัน เพื่อความอยู่รอดของลูกตั๊กแตนจำนวนมหาศาลในพื้นที่หนึ่งตารางเมตร สามารถขุดพบเฉลี่ย 1,000 ฝัก ถ้าความชื้นเหมาะสม และอุณหภูมิสูงกว่า 19 องศาเซลเซียส ในสองสัปดาห์จะมีตัวอ่อนไต่ขึ้นมาสู่ผิวดิน 80,000 ตัว แมลงสองโลก ตัวอ่อนที่ได้เป็นตั๊กแตนหนวดสั้น ขนาดจิ๋ว สีเขียวอ่อน ยังบินไม่ได้ เรียกว่า GRASSHOPPER หนวดสามารถสื่อสารรับกลิ่นเป็นหลักเช่นเดียวกับของมดและผึ้ง และจะตามกลิ่นไปกินหญ้าอ่อนทุกแห่ง รวมทั้งต้นกล้าในแปลงเกษตร เวลาที่ตั๊กแตนอยู่ตามลำพัง มักไม่มีพิษสงอะไร ถึงจะกัดทำลายพืชผล แต่ละวันก็เสียหายแค่หนึ่งถึงสองกรัมตามน้ำหนักตัวของมัน ยิ่งไปกว่านั้น ในห่วงโซ่อาหาร จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ผู้ล่า เช่น กบ หนู กิ้งก่า ค้างคาว นก ไก่ และเป็ด เป็นต้นตามปกติ ตั๊กแตนจะต่างคนต่างอยู่ กระจายกันออกไปหาอาหาร ยกเว้นช่วงที่จับคู่ผสมพันธุ์ แต่ปริมาณน้ำฝนที่ล้นเหลือตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น และสัตว์ผู้ล่าที่ลดลงเพราะป่ากลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ได้เพาะบ่มสภาวะจนสุกงอม ลูกหลานของตั๊กแตนทวีคูณแบบยกกำลัง ตั๊กแตนสามารถปล่อยฟีโรโมนเพื่อส่งสัญญาณให้รวมพล แล้วพากันดีดตัวสลับเดินปูพรมกัดแทะพรรณพืชหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์จนราบเป็นแถบ ๆภายในหนึ่งเดือนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านการลอกคราบห้าถึงหกครั้ง ครั้งสุดท้ายตัวจะใหญ่และมีปีกสมบูรณ์เรียกว่า LOCUST ซึ่งจะอยู่ตามลำพังหรือรวมฝูงก็ได้ แล้วแต่สภาพแวดล้อม ในอดีต นักวิทยาศาสตร์เคยสับสนว่าตั๊กแตนที่มีสองโลกสองลักษณะนี้เป็นสัตว์ต่างชนิดกันโปเกม่อนตัวจริงตั๊กแตน LOCUST น่าจะเปรียบได้กับโปเกม่อนในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะยังสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพ ระบบประสาท และพฤติกรรมได้อีก เมื่อเห็นสายพันธุ์เดียวกันหนาตาขึ้น หรืออยู่กันเบียดเสียดจนขาคู่หลังเสียดสีกัน แสดงว่าประชากรหนาแน่นเกินไป แหล่งอาหารที่กินอยู่ใกล้จะหมดแล้ว ตั๊กแตนจะเริ่มปล่อยฟีโรโมน ซึ่งเป็นกลิ่นที่บอกให้ตัวอื่นที่อยู่ใกล้มารวมพลกันสำหรับตัวที่ได้รับสัญญาณแล้ว ร่างกายจะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ลำตัวหดสั้นลง เปลี่ยนเป็นสีเหลืองจำปาคาดดำ ขนาดสมองใหญ่ขึ้นร้อยละสามสิบ สมองส่วนกลางใหญ่กว่าเดิม เพื่อช่วยบังคับการเคลื่อนไหวให้คล่องตัวเวลาบินอพยพ เจริญอาหารมากขึ้น ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น พละกำลังและความทนทานเพิ่มขึ้น บินอยู่กลางอากาศได้เป็นเวลานาน ๆ การอพยพข้ามทะเลแดงระยะทาง 300 กิโลเมตรถือเป็นเรื่องปกติ ตั๊กแตนสังสรรค์ มหันตภัยสีเหลือง การเรียกรวมพลแต่ละครั้งนับจำนวนตั๊กแตนได้เฉลี่ย 40 – 150 ล้านตัวต่อพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร ส่วนขนาดของกองบินนั้น สามารถใหญ่เท่าก้อนเมฆที่ปกคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตร ฝูงย่อย ๆ สามารถบินมาบรรจบกันและผนึกกำลังเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง แล้วเคลื่อนทัพไปโจมตีแหล่งอาหารใหม่ตั๊กแตนทะเลทรายเลือกบินตามกระแสลม นอกจากประหยัดพลังงานแล้ว กระแสลมจะพาไปยังที่ที่ความกดอากาศต่ำเสมอ ซึ่งก็คือแหล่งที่ฝนกำลังจะตก หรือเพิ่งจะตก จึงรับประกันได้ว่าพืชพรรณจะงอกงามดี ทุ่งหญ้าจะเขียวขจี มีอาหารพอเพียง จนดำรงเผ่าพันธุ์โดยการอพยพย้ายถิ่นไป รุมแทะกินไป จับคู่ไป และวางไข่ไปได้ไม่รู้จบ เมื่อตั๊กแตนรวมพลสังสรรค์ มหันตภัยจึงมาเยือนทุกสถานีที่แวะ เพราะตั๊กแตนกินพืชพรรณธัญญาหารได้ 34 ชนิด และแทบทุกส่วน ทั้งดอก ใบ ผล เมล็ด เปลือกไม้ และยอดอ่อน รุมจัดการจนโกร๋นทุกต้น ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนมหาศาลนับร้อยนับพันล้านตัวสามารถเกาะปกคลุมตามกิ่งก้านจนมองไม่เห็นต้นพืช และมีไม่น้อยที่ต้องหักโค่นเพราะทานน้ำหนักไม่ไหว แม้แต่โรงสีหรือยุ้งฉางบรรจุข้าวเปลือก ข้าวโพด หรือถั่วเหลืองก็ไม่รอดจากอันตราย การระบาดที่จารึกมาแต่อดีตพลังทำลายล้างไร้เทียมทานของกองทัพตั๊กแตน เทียบชั้นเท่ากับมหาอุทกภัยยามธรรมชาติพิโรธ การรุมแทะกินจนทุกอย่างราพณาสูรถูกจารึกในพระคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์อัลกุรอาน ภาพวาดตามฝาผนังของปิรามิดที่ประเทศอียิปต์ บทกวีสันสกฤตของประเทศอินเดียเมื่อ 747 ปีก่อนคริสตกาล และประวัติศาสตร์ของประเทศจีนตลอด 3,000 ปีสำหรับปี 2020 นี้ ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 26 ปีของประเทศอินเดีย 25 ปีของประเทศเอธิโอเปีย และ 70 ปีของประเทศเคนย่า โดยปกติ เมื่อแหล่งอาหารถูกทำลายไปจนเหลือน้อย การระบาดจะบรรเทาเบาบางไปเอง ซึ่งกินเวลาสองถึงสามปีจากการที่ธรรมชาติบรรจงออกแบบทุกขั้นตอนชีวิตของตั๊กแตนทะเลทราย จึงไม่แปลกที่จะเปรียบแมลงสองโลกชนิดนี้กับโปเกม่อนที่ล้ำจินตนาการ ปัจจุบัน การค้นคว้าวิจัยเชิงพันธุวิศวกรรมลงลึกไปถึงระดับดีเอ็นเอ นักกีฏวิทยาเร่งไขความลับกระบวนการสื่อสารด้วยฟีโรโมนของตั๊กแตน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตอันใกล้ เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้เกิดการรวมฝูงแล้วอพยพไปสร้างหายนะ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องโดย 1456ขอบคุณรูปภาพจาก piqsels.com ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 / ภาพประกอบที่ 8