ใครเป็นคอหนังหรือละครเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่อง Blade Runner, 500 Days of Summer หรือ Marlowe เหล่านี้ คงจะจำฉากในเรื่องได้เป็นอย่างดี ทำไม Blade Runner และตึก Bradbury ถึงได้รับความนิยม ลองนึกย้อนไป 38 ปีที่แล้ว ที่มีการทำหนังไซไฟ ที่บอกเล่าถึงเรื่องในอนาคต ภาพหนังที่เหมือนกับพาเราไปยังโลกอนาคตจริง ๆ โดยหนังเล่าเรื่องราวของโลกอนาคตที่มนุษย์ต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ออฟ เวิร์ล และในอนาคตได้มีการสร้างหุ่นยนต์ที่เรียกว่า แรปลิแคนท์ ขึ้นมา แต่หุ่นยนต์ถูกจำกัดให้ถูกทำงานอยู่ที่บนดวงจันทร์เท่านั้น เนื่องจากเป็นหุ่นที่ฉลาดและเป็นภัยต่อมนุษย์ ดังนั้น ริค เด็ดคาร์ด หรือ Blade Runner จึงต้องทำหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้ แรปลิแคนท์ เดินทางมายังโลก แต่เรื่องราวก็เข้มข้นขึ้นเมื่อมีหุ่นยนต์ละเมิดกฏ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และเดินทางมายังโลกเพื่อตามหาผู้สร้างและความจริงว่าพวกมันจะหมดอายุขัยเมื่อไร ริค เด็ดคาร์ด หรือ Blade Runner จึงต้องมารับหน้าที่และตามหาความจริงก่อนที่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะสายเกินแก้ไข หนังไซไฟที่สร้างความตะลึงให้กับวงการหนังเรื่องที่กลายเป็นที่กล่าวขวัญ รวมทั้งสถานที่ที่สร้างความสมจริงอย่างตึก Bradbury Building ที่ ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา ด้วย ซึ่งตึก Bradbury เป็นฉากสุดมันส์ ที่ ริค เดคคาร์ด ได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ปฏิวัติที่ละเมิดกฏ ออกมาจากดวงจันทร์ จนกลายเป็นฉากใคร ๆ ก็ต่างจดจำและนึกถึง โดยส่วนตัวจริง ๆ แล้ว เป็นคนที่อินกับสถานที่มาก ๆ พอได้มีโอกาสมาที่ Los Angeles เลยต้องขอมาที่ตึก Bradbury เพื่อเติมเต็มความฝัน และพาตัวเองกลับไปหาความรู้สึกที่เราดูหนังไซไฟชื่อดังเรื่องนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าไปชมสถานที่การถ่ายทำหนังเหล่านี้กันที่ตึก Bradbury Building ที่ ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา ตึก Bradbury Building ถ้ามองด้านนอกก็เหมือนตึกสูงระฟ้าทั่วไปที่มีให้เห็นในแอลเอ ภายนอกนั้นทำจากอิฐหินทรายสีน้ำตาล ซึ่งได้ออกแบบตามสไตส์ Italian Renaissance แต่ถ้าใครได้เข้าข้างในจะพบกับความอลังกาลของสถาปัตยกรรมเบื้องหน้า เสมือนเราเป็นตัวละครที่ข้ามกาลเวลาเข้าไปอยู่ในอีกยุคหนึ่ง เรารู้สึกค่อนข้างกังวล เพราะภายนอกดูเหมือนตึกธรรมดาทั่วไป ความคาดหวังที่พามา ค่อย ๆ จางไป พร้อมกับขาที่ก้าวเท้าเข้าไป เมื่อเดินผ่านประตูจะเป็นโถงทางเดินเข้าไป เพดานส่วนนี้ค่อนข้างต่ำและค่อนข้างมืด จนตอนแรกคิดว่าอาคารแห่งนี้ปิดอยู่ บางคนกล่าวว่า การทำโถงทางเข้าให้ต่ำและให้แสงเข้ามาน้อยเพื่อที่จะเลียนแบบ ตรอกซอกซอยของเมืองปารีส เราเดินตามทางที่ปูไว้ จนเบื้องหน้าเห็นแสงสว่างจากด้านบนที่ส่องลงมาเหมือนพาเรากลับไปสู่อดีต ภาพเบื้องหน้าพาเรากลับไปเสมือนเป็นหนึ่งในตัวละครใน Blade Runner แสงที่ส่องลงมาจากหลังคาแก้ว ปรากฏความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น หัวใจเราสั่นระรัว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรามาอยู่ที่นี่... ด้านข้างมีลิฟต์ที่คล้ายกับ "กรงนก" เนื่องจากล้อมรอบด้วยตะแกรงเหล็กดัด พื้นทางเดินของอาคารเป็นกระเบื้องเคลือบของเม๊กซิกัน ฝาผนังเป็นไม้และอิฐเคลือบสีอ่อน พื้นบันไดเป็นหินอ่อนนำเข้า จาก Belgium บันไดเป็นเหล็กดัดประกอบกับไม้โอ๊คสีน้ำตาล ซึ่งดัดเหล็กนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในประเทศฝรั่งเศสและจัดแสดงในปี 1893 ที่ Chicago World's Fair ก่อนที่จะถูกติดตั้งในอาคาร ทุกรายละเอียดของอาคารถูกรักษาและทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดี จนไม่อยากเชื่อว่าอาคารแห่งนี้เกิดมาแล้วหลายร้อยปี อาคารสีน้ำตาล เหล็กดัด สีดำอันวิจิตร บอกถึงความตั้งใจของผู้สร้างได้เป็นอย่างดี ใครจะไปคิดว่าอาคารสีน้ำตาลภายนอกที่ดูธรรมดาจะซ่อนความไม่ธรรมดาเช่นนี้เอาไว้ ส่วนประวัติความเป็นมาของตึกเราจะมาเหล่าให้ทุกคนฟังกัน ตึก Bradbury นั้นตั้งอยู่บนถนนเลขที่ 304 Broadway West 3rd Street ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาด the Grand Central Market และใกล้กับ the Million Dollar Theater และ Angels Flight ซึ่งเป็นอาคารที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดที่เหลืออยู่ในใจกลางเมืองลอสแองเจิสลิส ความเก่าแก่ของอาคาร Bradbury มีมามากกว่า 127 ปี แต่ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง หลังคากระจกที่รับแสงในช่วงเช้าของวันทำให้เราเห็นรายละเอียดของโครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่เป็นไม้ ประกอบกับราวเหล็กสีดำ รวมทั้งบันไดวนที่ออกแบบโดยลวดลายเรขาคณิตขึ้นไปอย่างชัดเจน Bradbury Building ถูกสร้างโดยมหาเศรษฐี เหมืองแร่ทองคำที่ชื่อว่า Lewis L. Bradbury ซึ่งมหาเศรษฐีท่านนี้ได้เป็นเจ้าของเหมืองมี่เม็กซิโก และได้มีลงทุนทำอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปั้นปลายชีวิต โดยมี George Wyman ซึ่งเป็นลูกน้องของ Sumner Hunt ให้เป็นผู้สร้างอาคารให้ ส่วน Sumner Hunt เป็นผู้ออกแบบอาคารคนแรก ซึ่งที่ George Wyman ได้เป็นผู้สร้างอาคารเนื่องจากว่าทาง Bradbury ได้ให้ Wyman ออกแบบอาคารเพื่อเปรียบเทียบกับของ Hunt และBradbury เห็นว่า Wyman มองภาพอาคารสอดคล้องกับ Bradbury มากกว่าที่ Hunt เข้าใจ ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานว่า Wyman มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของ Hunt ทำให้คนยังหาคำตอบว่าที่แท้จริงแล้วอาคารที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ใครควรจะได้เครดิตใครผู้ที่ออกแบบอาคารอันเป็นตำนานแห่งนี้ อาคารเปิดตัวเมื่อปี 1893 ไม่กี่เดือนต่อมาหลังจาก Lewis L. Bradbury ได้เสียชีวิตลงในปี 1892 และเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1894 โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $ 500,000 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของราคาที่ได้ตกลงไว้ในตอนแรก [$175,000] Bradbury Building ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติโดย National Register of Historic Places ในปี 1971 และได้รับการจัดเป็น National Historic Landmark ในปี 1977 ซึ่งในปัจจุบัน อาคาร Bradbury เป็นอาคารเชิงพาณิชย์ นั้นหมายความว่ามีคนเช่าใช้เพื่อเป็นสำนักงานอยู่จริง ๆ ของกรมตำรวจลอสแองเจลลิส, กองการต่างประเทศและหน่วยงานราชการอื่น ๆ และชั้นล่างยังเป็นร้านค้าปลีกของเอกชน เช่น ร้าน Ross Cutlery ที่ขายอุปกรณ์ของใช้ ทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายละครมากมาย รวมทั้ง Music Videos หนังโฆษณาและเกมส์ SimCity 3000 ใน PC ก็มีรูปอาคารนี้ปรากฏอยู่ รวมทั้ง นักเขียนนวนิยาย มักนำเอาตึก Bradburry มาเขียนอ้างอิง อาทิ Star Trek , The Case of The Colonist’s Corpse รวมทั้งคู่รักที่ต้องการมาถ่าย Pre-wedding ก็สามารถมาติดต่อขอเช่าสถานที่ได้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวได้รับอนุญาตให้ชมแค่บันไดชั้นสองเท่านั้น ใครที่แวะมาที่ลอสแองเจิสลิส อย่าลืมแวะมาสำรวจความวิจิตรของสถาปัตยกรรมแห่งนี้กันนะคะ การเดินทาง : ลง Metro Pershing Square Station สายสีแดง สีม่วง ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ สามารถติดตามผู้เขียนได้ที่ : Kariangg ภาพประกอบโดยผู้เขียนและ Photo by Ashim D’Silva on Unsplash Photo by Ashim D’Silva on Unsplash ขอขอบคุณภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดจากเว็บ Official ของ WarnerBros. https://www.warnerbros.com/movies/blade-runner/