หลังจากที่เรารู้ว่า มีพระโอรสของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยามาปกครองเมืองแพรกศรีราชาถึง ๒ พระองค์ คือ เจ้ายี่พระยา พระโอรสของเจ้าอินทรราชา หรือสมเด็จพระนครินทราธิราช และพระยาแพรก พระโอรสของ เจ้าสามพระยา หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า เมืองแพรกศรีราชามีความสำคัญมาก ถ้าว่ากันตามภูมิศาสตร์แล้ว คำว่า “แพรก” นั้นมีความหมายว่าเป็นพื้นที่ซึ่งเป็นทางแยกของแม่น้ำ เช่นเดียวกับคำว่า “แพร่ง” ที่มีความหมายว่าทางแยกบนบก ซึ่งชุมทางที่เป็นทางแยกดังกล่าวนี้ ในทางยุทธศาสตร์นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะสมัยก่อนนั้น เราสัญจรทางน้ำเป็นหลัก จากตำแหน่งที่ตั้งของเมืองแพรกศรีราชา จะอยู่บริเวณชายแดนของสามแคว้น คือ ทางด้านเหนือเป็นแคว้นสุโขทัย ทางด้านตะวันออก เป็นแคว้นอโยธยาหรือละโว้ และทางตะวันตกกับด้านใต้เป็นแคว้นสุพรรณภูมิ ทำให้พื้นที่แห่งนี้ พบว่ามีการผสมผสานของศิลปกรรมแบบลพบุรี อู่ทอง และสุโขทัย จนกลายมาเป็นศิลปกรรมในแบบของตัวเองซึ่งไม่พบในเมืองอื่น ซึ่งรูปแบบดังกล่าวนี้ จะชัดเจนมากที่วัดพระแก้ว วัดพระแก้ว สันนิษฐานว่าสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีหลวงพ่อฉาย แต่เดิมอยู่กลางแจ้ง ในสมัยต่อมาชาวบ้านจึงได้สร้างวิหารขึ้นมาครอบองค์พระไว้ ด้านหลังของหลวงพ่อฉาย แตกต่างจากพระพุทธรูปองค์อื่นๆ คือ มีทับหลังศิลปะขอมแบบปาปวนติดอยู่ เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณแต่ติดตั้งแบบกลับหัว บางคนบอกว่าอาจเป็นการนำทับหลังปราสาทขอมจากที่อื่นมาติดไว้ บางคนบอกว่าวัดนี้สร้างทับซากเทวาลัยปราสาทขอมจึงได้นำทับหลังชิ้นนี้มาติดไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ สำหรับจุ ไม่ว่าทับหลังหินทรายนี้จะมาจากที่ไหน แต่เมื่อสืบประวัติเมืองแพรกศรีราชาอีก ก็พบว่าเคยมีประวัติการขุดค้นเมืองโบราณพันปี สมัยทวารวดีที่ "เมืองดงคอน " อ.สรรค์บุรี มาก่อน นั่นก็แสดงว่าการอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องของเมืองนี้ มันอาจจะมีอิทธิพลของขอมแพร่กระจายอยู่ในเมืองนี้ได้เช่นกัน ส่วนศิลปกรรมที่เป็นรูปแบบเฉพาะของที่นี่ คือสถูปเจดีย์ที่แปลกตา อันเป็นศิลปะแบบอู่ทอง-ละโว้ ที่น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบปาละของอินเดีย (บางคนอาจจะมองว่าได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย-ล้านนา) ลักษณะเด่นของเจดีย์นี้ คือฐานสี่เหลี่ยมสองชั้น ชั้นสามเป็นทรงแปดเหลี่ยม เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆังต่อยอดด้วยเจดีย์ทรงกรวยกลม ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีซุ้มพระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่ทั้ง ๔ ทิศ และยังเป็นเจดีย์ที่ก่ออิฐไม่สอปูน แต่เชื่อมอิฐด้วยยางไม้ ซึ่งงดงามแปลกตา ว่ากันว่าสถูปเจดีย์นี้ จัดเป็น "ราชินีแห่งเจดีย์" ในประเทศไทยทีเดียว