อียิปต์ ดินแดนแห่งมัมมี่ และเหล่าทวยเทพแห่งความเชื่อ ซึ่งมีประวัติอันยาวนานและเป็นหนึ่งอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดโลก ที่อยู่ยาวนานกว่า 3,000 ปี ที่คงไว้ซึ่งปริศนามากมาย และหนึ่งในนั้นคือ เรื่องราวของ Hatshepsut (แฮตเชปซุต) ราชินีมีหนวดนั่นเอง เราบินลัดฟ้ามาที่กรุงไครโร ณ อียิปต์ และนั่งรถไฟมาที่กรุงลักซอร์ (Luxor) โดยการเดินทางสามารถทำได้หลายทาง ทั้งทางเครื่องบิน ทางรถทัวร์ หรือทางรถไฟ ซึ่งจากการหาข้อมูลทำให้ทราบว่าส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางโดยรถไฟแบบห้องส่วนตัว เนื่องจากเป็นการเดินทางตอนกลางคืนและถึงตอนเช้า ทำให้ประหยัดเรื่องที่พัก แถมรถไฟ ค่าโดยสารก็ถูกกว่ากันเยอะ รถไฟที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ รถไฟชั้น 1 โดย 1 ห้องมี 2 เตียง พร้อมอาหาร แต่ด้วยความที่เราไปอ่านบล็อกของชาวต่างชาติท่านหนึ่ง แล้วให้รายละเอียดว่า รถไฟชั้น 3 เป็นรถไฟที่ได้รับความนิยมที่สุดในหมู่คนอียิปต์ เนื่องจากราคาถูก พร้อมที่นั่งเอนและตู้ขบวนแอร์ แถมได้บรรยากาศแบบคนในพื้นที่ เราเลยตัดสินใจเลือกการเดินทางแบบรถไฟชั้น 3 โดยสามารถจองผ่านเว็บ : https://enr.gov.eg/ticketing/public/smartSearch.jsf ส่วนที่ยากที่สุดในการขึ้นรถไฟคือ การไม่มีตัวเลขบอกชานลา ว่ารถไฟที่เรานั่งนั้นจะมาโผล่ส่วนไหนของสถานี เราจึงต้องพึ่งพาคนในพื้นที่ช่วยนำทาง แถมคนในพื้นที่ยังใจดีช่วยเราแบกกระเป๋าอีก ซึ่งอยากจะบอกว่าคนที่นี้ใจดีกับคนต่างชาติมาก เห็นก็อยากจะมาช่วยเหลือ อยากจะมาทักทาย เพราะฉะนั้นการเดินทางจึงไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด ระหว่างการเดินทางเราก็ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทางมากมาย หลากหลายหน้าที่การงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัส เมืองลักซอร์ (Luxor) เป็นอีกเมืองสำคัญที่รวบรวมแหล่งอารยธรรม ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอียิปต์ โดยลักซอร์ได้แบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยใช้แม่น้ำไนล์สายประวัติศาสตร์แห่งนี้ในการแบ่ง ซึ่งเรียกว่าฝั่งคนเป็น และฝั่งคนตาย หรือ ธีบส์ (Thebes) ทางฝั่งธีบส์จะประกอบด้วย วิหารและสุสานต่าง ๆ ซึ่ง วิหารฟาโรห์แฮตเซปซุต (Mortuary Temple of Hatshepsut) ราชินีมีหนวดที่เราจะกล่าวถึงก็อยู่ทางฝั่งธีบส์แห่งนี้ วิหารฟาโรห์แฮตเซปซุต (Mortuary Temple of Hatsheput) เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากหน้าผาหินที่มีความสูงกว่า 300 เมตร ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล แฮตเซปซุตเป็นพระมเหสีของฟาโรห์ทุธโมซิสที่ 2 (Tuthmosis II) ซึ่งพระนางก็ไม่ใช่พระมหเสีองค์เดียวของกษัตริย์ แต่มีราชินีไอซิสเป็นมเหสีรองอีกพระองค์หนึ่ง โชคร้ายที่พระมเหสีแฮตเซปซุตไม่มีพระโอรสกับฟาโรห์ แต่เป็นพระนางไอซิสที่มีพระโอรสที่สามารถครองบังลังก์ต่อได้ หลังจากฟาโรห์ทุธโมซิสที่ 2 สิ้น ทำให้พระโอรสของพระนางไอซิสต้องขึ้นครองบังลังก์ เป็นฟาโรฟ์ทุธโมซิสที่ 3 (Tuthmosis III) แต่เนื่องจากตอนนั้นพระโอรสยังเล็กมากนัก ทำให้พระนางแฮตเซปซุตต้องสำเร็จราชการแทน แต่หลังจากปีที่ 7 พระนางก็อ้างสิทธิ์ของการเป็นธิดาเทพสุริยเทพอามอน (รา)และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฟาโรห์ หยิบเครามาสวมใส่ พร้อมทั้งแต่งองค์ทรงเครื่องประหนึ่งบุรุษ ซึ่งแสดงถึงอำนาจและความเป็นกษัตริย์ ทำให้พระนางแฮตเซปซุตเป็นฟาโรห์หญิงองค์แรกและองค์เดียวของอียิปต์ ในช่วงที่ราชินีมีเคราองค์ปกครองไพร่ฟ้าประชาชน ถือเป็นช่วงเฟื่องฟูอย่างมากอีกยุคหนึ่งทีเดียว อีกเรื่องที่น่าสังเกตคือ น่าจะมีประชาชนทราบว่าพระองค์เป็นสตรี เนื่องจากภาพงานแกะสลักของพระองค์มีทรวดทรงองค์เอวเหมือนกับผู้หญิง ในช่วงฟาโรฟ์ทุธโมซิสที่ 3 (Tuthmosis III) เริ่มเติบใหญ่ ก็ได้ทวงถามสิทธิ์ถือความชอบธรรมในการครองบังลังก์ ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ซึ่งพระนางแฮตเชปซุตก็ได้สิ้นพระชนม์ไปอย่างปริศนา ไม่ทราบว่าพระศพของพระนางนั้นอยู่ที่ไหน หลังจากที่ฟาโรฟ์ทุธโมซิสที่ 3 ขึ้นครองราชย์ ก็ได้ทำลายรูปสลักเสมือนพระนางแฮตเชปซุตรวมทั้งชื่อสลักต่าง ๆ ของพระนางตามวิหารและสถานที่ต่าง ๆ ไปจนเกือบหมด ทำให้เราไม่เห็นล่องรอยของพระนางในวิหารมากนัก แต่ก็สามารถอนุมานความยิ่งใหญ่ของพระนางได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องของพระนางถือเป็นอีกหน้าสำคัญหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์อียิปต์ ส่วนวิหารของพระนางนั้นอยู่หุบผากษัตริย์ในนครธีบส์ สามารถเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือรถทัวร์ที่ติดต่อผ่านเอเจนซี่เข้ามาได้ และเปิดเข้าชมตั้งแต่ 09.00 น. ถึง 17.00 น. ของทุกวันตลอดทั้งปี ค่าเข้าอยู่ที่ 80 ปอนด์อียิปต์สำหรับบุคคลทั่วไปและ 40 ปอนด์อียิปต์สำหรับนักเรียน อากาศในช่วงเดือนกรกฏาคมที่เราไปนั้นค่อนข้างร้อน ใครที่มาช่วงนี้อย่าลืมพกร่มและเตรียมตัวเผชิญกับไอร้อนในช่วงนี้ให้ดีนะคะ เครดิตภาพประกอบโดยผู้เขียนและ Photo by Kavya N.M on Unsplash