ถ้าเปรียบผืนทรายสีขาวเป็นความรักอันบริสุทธิ์ สำหรับฉันคิดว่าทรายสีดำนั้นคงเป็นรักอันเป็นนิรันดร์ : ตามหารักนิรันดร์ ทรายสีดำ ที่หาดนางทอง จังหวัดพังงา ทริปกลางเดือนตุลาฯครั้งนี้ แพลนของเราคือไปร่วมเทศกาลกินเจที่ภูเก็ตเสร็จแล้วค่อยย้ายมาพักที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เพราะอยากจะมาดูให้เห็นกับตาว่าชายหาดที่มีสีดำนั้นแท้จริงตามรีวิวที่เขาว่าจริงไหม เพราะหากพูดถึงหาดทรายสีดำ ในต่างประเทศก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในไทยนี่แทบไม่เคยได้พบได้เห็น แต่ดิชั้นได้พบสิ่งนี้ก่อนได้พบรักแท้เสียอีก อย่างที่บอกว่าราก็ตามมาจากการอ่านรีวิวหาดนางทองมาหลายที่ ส่วนใหญ่แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตกทะเล จะเจอความงดงามชนิดที่เรียกว่าสวยกันแบบวัวตายควายล้มกันทีเดียว แต่ทุกคนคะ ดิชั้นพลาด!! ดิชั้นเล่นน้ำติดลมอยู่ที่โรงแรมเพลินไปหน่อย แห่ะๆ เราก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองไว้ว่าไม่เป็นไรๆ ไปเช้าแทนก็ด๊ะ ตั้งใจตื่นตั้งแต่ตี 5 ง่วงแหละ น้ำท่าไม่อาบเอาไว้ก่อน ขับรถออกจากโรงแรมประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง แล้วก็ไม่ผิดหวัง มันคือทะเลเช้า เงียบ สงบ คนที่ชื่นชอบการเล่นเซิร์ฟน่าจะถูกใจสิ่งนี้ เพราะคลื่นลมแรง ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ เหมาะกับการใส่บิกินี เดินเชิดฉายรับแดดยามเช้าริมชายหาดสวยๆเก๋ๆ เอาล่ะ คงจะมีคำถามอยู่ในหัวกันบ้างแล้วละว่า ทรายสีดำนั้นมาได้ยังไงกันนะ และคนอย่างดิชั้นไม่เคยปล่อยผ่านอยู่แล้ว มาจ๊ะ..เล่าให้ฟัง จริงๆแล้วความสีดำของทรายที่เราเห็นนั้นเป็นขี้แร่ ที่เกิดจากการร่อนแร่เมื่อสมัยก่อน จากที่ไปหาข้อมูลมา กะเกณฑ์จากอายุของเมืองตะกั่วป่าเหมือนจะมีการทำเหมืองแร่ ร่อนแร่กันมาเป็นร้อยๆปีแล้วละ แล้วก็ค่อยๆเลือนหายไป เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้ามา ตอนนี้ก็เหลือไว้เพียงจารึกทางประวัติศาสตร์ ใครอยากรู้หรือศึกษาเพิ่มเติมลองเสิชหาในกูเกิลคำว่า “เมืองตะกั่วป่า” เอาเองนะ น่าสนใจทีเดียวเลยหล่ะ การซัดสาดทรายสีดำนั้นก็เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยว่าทรายสีดำจะโผล่ขึ้นมาให้เราเห็นมากน้อยแค่ไหน เพราะตามปกติแล้ว ทรายสีดำพวกนี้จะถูกคลื่นซัดสลับกันไปมา เวลาน้ำซัดขึ้นมาก็จะพาทรายปกติพัดมาด้วย ถ้าอยากเจอหาดทรายสีดำแบบเน้นๆเต็มๆก็ต้องรอจังหวะและเวลา อย่างว่าอะเนอะ ธรรมชาติคาดเดายาก แต่ช่วงที่เราไปก็พอมีให้เห็น ให้ได้มีรูปสวยๆไปโชว์เก๋ให้เพื่อนๆได้บ้าง บางจุดก็เกิดริ้วทรายลวดลายน่ารักๆ แปลกตา เหมือนเดินชมศิลปะยามเช้าที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้เราได้ชื่นชม ทริปนี้ก็เป็นทริปที่จะสนุกก็ว่าสนุก จะเหงาก็ว่าเหงา บรรยากาศการท่องเที่ยวมันเงียบไปหมด ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าโดนพิษโควิดกันถ้วนหน้า แม้ว่าตัวเราเองจะเป็นคนที่ชอบความไม่วุ่นวาย แต่รู้สึกว่าบางทีก็เงียบไป๊.. อยากจะมีฟีลแบบไปเดินหรือแอ๊วหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว หรือหนุ่มตี๋ขาวสไตล์เกาหลี ตามนิสัยที่คุ้นชินของดิชั้น จะเซย์ ไฮ ! เซย์ ฮัลโหล ! หรือ เซย์ เยส ! อะไรก็ว่ากันไป…เอาไว้กลับสู่สภาวะปกติเราจะไปเที่ยวแล้วกลับมาเขียนรีวิวสกิลการแอ๊วหนุ่มให้อ่านกันบ้าง ฝากติดตามต่อด้วยน้า เครดิตภาพ : เพื่อนร่วมทริป (บี +ปุ๊ก+เอ )