หลังจากผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ที่ประเทศบราซิล หลังจากนั้นทัพอินทรีย์เหล็กก็ไม่เคยไปถึงดวงดาวอีกเลย ทั้งในรายการระดับทวีป หรือในระดับโลกครั้งล่าสุดที่ฟอร์มย่ำแย่จนโดนอาถรรพ์ " แชมป์เก่าตกรอบแรก " เล่นงานอย่างเจ็บแสบสะเทือนเก้าอี้ของนายใหญ่เยอรมันให้ร้อนในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดทศวรรษหลัง หลักจากตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมา ทีมชาติเยอรมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตำแหน่งกุนซือ โดยในบทความนี้ผมจึงขอหยิบยกเรื่องราวของตำนานผู้กอบกู้ " ฮันซี่ ฟลิค " กุนซือสมองเพชรผู้ที่เข้ามาเป็นความหวังใหม่แห่งวงการฟุตบอลเยอรมัน ฟลิคเป็นนักฟุตบอลตำแหน่งกองกลางที่พอจะมีชื่ออยู่บ้างในยุค 90 แต่เจ้าตัวไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนักเมื่อเทียบกับสตาร์ดังร่วมยุค โดยผลงานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเกิดขึ้นกับ " บาเยิร์น มิวนิค " ที่เจ้าตัวอยู่กับทีมมหาอำนาจของเยอรมันนานถึง 5 ปีกับผลงานลงสนามทั้ง 104 นัดยิงไป 5 ประตู ก่อนจะหาตำแหน่งลงเล่นไม่ได้ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปเล่นทีมระดับกลางตาราง ก่อนจะเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บจนต้องแขวนเกือกในปลายยุค 90 ฟลิคเริ่มหันมาเอาดีทางด้านกุนซือตั้งแต่ช่วงต้นยุค 2000 โดยเขาเริ่มต้นอาชีพกับทีมระดับรากหญ้าในรัฐบาเดน จากนั้นไล่ระดับไปคุมฮอฟเฟ่นไฮม์ที่ในตอนนั้นยังไม่ได้อยู่ลีกสูงสุดซึ่งก็ล้มเหลวไม่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นได้ ก่อนจะย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่ในช่วงสั้นๆ กับ " ซัลซ์บวร์ก " ในฐานะผู้ช่วยของยอดกุนซือ " จิโอวานนี่ ตราปัตโตนี " ซึ่งการมาออสเตรียหนนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้หมากกลยุทธ์ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกทีม ก่อนที่ในปี 2006 ฟลิคจะถูกสมาคมฟุตบอลเยอรมันดึงมาเป็นผู้ช่วยอย่างเป็นทางการของ " โยคิม เลิฟ " ซึ่งเจ้าตัวอยู่กับทีมนานถึง 8 ปี ได้เรียนรู้งานจากเลิฟ และเคยผ่านสนามระดับโลกมากมายรวมไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกครั้งสุดท้ายของทีมชาติ ก่อนจะตัดสินใจออกมาโบยบินด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่กระนั้นฟลิคก็ยังไม่ได้รับงานคุมทีมในฐานะกุนซือใหญ่เป็นได้เพียงผู้ช่วยในทีมเสือใต้ของ " นิโก้ โควัช " ในปี 2019 ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าหลังจากที่โควัชพาทีมล้มเหลวในรายการยุโรปจึงโดนปลดในช่วงปลายปี 2019 ซึ่งทางบอร์ดบริหารก็ดันฟลิคขึ้นมารับงานใหญ่แทนด้วยสัญญายาวจนถึงปี 2023 ถึงแม้ฟลิคจะยังคุมทีมได้ไม่นานเหมือนคนอื่นๆ แต่ชื่อของเขาก็ติดลิสต์กุนซือระดับตำนานของบา เยิร์น มิ วนิคไปแล้ว ด้วยผลงานน่าประทับใจพาทีมคว้า " 6 แชมป์ " ได้ภายในหนึ่งปี ถ้าหากได้คุมต่อน่าจะสร้างประวัติศาสตร์ได้อีกเยอะ แต่อย่างที่คอบอลพอจะทราบข่าวว่าเมื่อเกิดความขัดแย้งในทีมฟุตบอลเมื่อไหร่ ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอถึงแม้คุณจะเป็นที่รักมาก่อนก็ตาม ผลจากการที่ฟลิคงัดข้อกับผู้บริหารทำให้เขาตัดสินใจโบกมือลาเสือใต้ไปหลังคุมทีมได้เพียงแค่สองฤดูกาล แต่ด้วยความที่ฟลิคมีฝีมือเข้าขั้นระดับอ๋อง ผนวกกับสถานการณ์เก้าอี้นายใหญ่แห่งทัพอินทรีเหล็กยังว่างอยู่ เมื่อมีข้อเสนอในฝันติดต่อด้วยระยะสัญญาจนถึงปี 2024 ทำให้ฟลิคจึงตัดสินใจรับงานทันทีโดยตั้งเป้าพาทีมกลับมาไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง เพราะย้อนไปสมัยเป็นนักเตะเจ้าตัวไม่มีโอกาสรับใช้ทีมชาติชุดใหญ่มากนัก สุดท้ายนี้ผมมองว่าด้วยฟอร์มในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ แต่ต้องรอดูในรายการระดับเมเจอร์อีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าหากใช้เวลาปรับจูนกับลูกทีมมากกว่านี้ทั้งรูปแบบการเล่นและการแก้เกมส์ ประกอบกับบารมีของเจ้าตัวที่เปล่งประกายเหมือนสมัยคุมเสือใต้จะสร้างบรรยากาศเข้มข้นและแข็งแกรงในแคมป์ทีมชาติ พาทัพอินทรีย์เหล็กหลุดจากวงจรความล้มเหลวให้กลับมาทวงบัลลังแชมป์โลกอีกครั้งในช่วงปลายปีหน้า ** Ref Picture ภาพหน้าปก : จาก FB Germany ภาพประกอบ 1 , 2 , 3 , 4 จาก FB Germany ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !