วันนี้เราจะพามารู้จักกับประโยชน์ของแตงกวากันก่อนที่เราจะไปทำเมนูอาหารเช่นทุกครั้ง เพื่อตอกย้ำให้เราได้เห็นว่า อาหารของคนไทยทรงคุณค่าเพียงไร "แตงกวา"มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต 40-60 วัน ซึ่งมีประโยชน์ที่หลากหลาย แต่ที่เราพบมากในวงการเสริมความงามมักจะใช้แตงกวามาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง เนื่องจากแตงกวามีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 96% มีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเสื่อมของเซลล์ได้ดี ช่วยลดริ้วรอยและปกป้องการขาดน้ำของเซลล์ได้ในกรณีที่คนนั้นไม่ค่อยชอบทานน้ำ นอกจากนี้ยังมีซิลิกาที่เป็นแร่ธาตุตัวสำคัญในการดูแลเสริมความเข้มแข็งให้กับกล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน และเส้นเอ็น สรรพคุณทางยา แตงกวามีฤทธิ์เย็นจึงทำให้ช่วยดับพิษไข้และลดความร้อนในร่างกายได้ดี เราจะเห็นว่าคุณประโยชน์ของแตงกวาช่างมากมายยิ่งนัก ทำให้เกิดอยากทานขึ้นมาทันทีทันใดแล้วใช้่ไหมคะ งั้นเราไปทำอาหารที่มีส่วนประกอบด้วยแตงกวากันดีกว่า!!! ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้เกี่ยวกับข้อควรระวังของแตงกวาสักนิดก่อนรับประทาน : สำหรับผู้ที่ไม่ควรกินแตงกวาก็คือ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ เพราะแตงกวามีกรดยุริคสูง นอกจากนี้ยังมีสารพิษตกค้างเยอะ เนื่องด้วยมีศัตรูพื้ชที่หลากหลาย ผู้ผลิตจึงต้องใช้สารเคมีหลากหลายด้วยเช่นกัน ควรล้างให้สะอาด อาจแช่่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่า หรือแช่ด้วยด่างทับทิมก่อนนำไปประกอบอาหาร ส่วนผู้ที่มีอาการไอ ควรงดเว้นไว้ก่อน เพราะฤิทธิ์เย็นของแตงกวาจะยิ่งทำให้มีอาการไอมากยิ่งขึ้น แตงกวานอกจากมีประโยชน์มากแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการดอง ผัด ต้ม ตำ และรับประทานผลแบบดิบ ๆ แต่ละท้องถิ่นของประเทศไทยมีความสามารถในการดัดแปลงอาหารให้เข้ากับการกินอยู่ของแต่ละท้องถิ่นได้อย่างลงตัว วันนี้เราจะมาทำ "ตำแตงหมูยอ" เป็นอาหารท้องถิ่นภาคอีสานของไทย เมนูสู้โควิดของเราวันนี้ ก็ไม่พ้นการตำสินะ หวังว่าเราจะสนุกและอิ่มอร่อยไปด้วยกันนะคะ ส่วนผลมในวันนี้ มีแตงกวาอาหารผิวตัวเอก แครรอทเพิ่มความสวยตัวรอง หมูยอเพิ่มโปรตีนนิดหน่อย มะเขือเทศก็อาหารผิวอีกเช่นกัน พริก กระเทียม มะนาว น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียก และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ปลาร้าอย่างดีเมืองอีสานบ้านเอ็ง อันนี้แล้วแต่คนชอบยี่ห้อไหนก็ได้ วิธีทำ แตงกวานำมาสับ ๆ ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พร้อมตำ แครรอทถ้าสับได้ก็สับ สับไม่ได้ก็ซอย ทำอย่างไรให้นำมาตำได้ก็พอ หมูยอ นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอคำ แล้วนำไปลวกน้ำร้อนให้สุก ตำพริก กระเทียม ให้ละเอียดพอประมาณ เติมน้ำปลาร้า น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก น้ำตาล ชิมรสก่อน ค่อยเติมน้ำปลาที่หลัง เนื่องจากน้ำปลาร้าเค็มอยู่แล้ว ชิมรสตามชอบให้ออกเผ็ด เปรี้ยว เค็ม ส่วนน้ำตาลก็เหมือนกับการปรุงรสเท่านั้น คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนนำแตงกวาลงในครกและตำเบา ๆ เป็นการคลุกเคล้าให้เข้ากันซะมากกว่า หลังจากนั้นนำหมูยอลงเป็นอันดับสุดท้าย คลุกเคล้าชิมรสอีกครั้งก่อนตักใส่จาน วิธีเลือกหมูยอ ควรเป็นหมูยอที่มีสีธรรมชาติ ไม่แตกหัก ไม่เก่า ไม่ขึ้นรา ไม่มีกลิ่น ถ้าเลือกได้ควรเลือกที่มีแป้งน้อยที่สุด Cr.ภาพทั้งหมดผู้เขียนถ่ายด้วยตนเอง ยกเว้นภาพแตงกวาที่นำมาจากเพจของหมอชาวบ้าน