อื่นๆ

ติดลิฟต์...ต้องรอด ที่ กทม.

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ติดลิฟต์...ต้องรอด ที่ กทม.

มนุษย์เราทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดไม่ว่าในสถานการณ์ปกติหรือยามฉุกเฉิน เพราะเราทุกคนล้วนรักตัวเอง ต้องทำตัวให้พ้นจากเหตุการณ์เฉพาะหน้านั้น ๆ ให้ได้ ถ้าคนเดียวก็คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าหลายคนก็ต้องใช้สติในการวางแผนให้รอบคอบเพราะยิ่งคนเยอะก็ยิ่งยากขึ้นตามลำดับ
อีกประสบการณ์ในชีวิตกับการติดค้างในลิฟต์ที่ยากจะลืมเลือน และยังมีความหวาดระแวงเสมอเมื่อต้องใช้ลิฟต์ ด้วยความที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในเมืองและเข้าเมืองบ่อย การต้องใช้อุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าบางอย่างก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัดเท่าไหร่เหมือนกัน เช่นเดียวกับบันไดเลื่อนและลิฟต์ สำหรับบันไดเลื่อนในห้างมันก็ยังพอแก้ไขปัญหาได้ หากมันค้างหรือไฟดับก็แค่เดินขึ้นหรือลงใช้ทางอื่นไป แต่กรณีลิฟต์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกปกปิด ไม่มีใครมองเห็น ถึงแม้ปัจจุบันหลาย ๆ ที่ก็จะกล้องวงจรปิดติดอยู่เผื่อมีปัญหาหรือคนได้รับอุบัติเหตุต่าง ๆ แล้วก็ตาม

Advertisement

Advertisement

ที่พัก ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ครั้งหนึ่งเคยไปร่วมงานกิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมข้าวในเอเชียที่จัดในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน แต่ให้ที่พักอีกที่ เราต้องขึ้นรถไปกลับระหว่างสถานที่จัดงานกับที่พัก กิจกรรมเริ่มเวลา 09.00-16.00 น. เวลาตอนเย็นเราก็ต้องกลับไปที่พัก และมีเวลาออกมาเดินเล่นหรือซื้อของใกล้ ๆ บริเวณนั้น

โทรศัพท์มือถือที่พักแห่งนี้ต้องใช้การ์ดเวลาเข้า-ออกลิฟต์ และใช้เข้าห้อง ดังนั้นคนที่พักแต่ละห้องก็ต้องถือการ์ด ห้องหนึ่งนอนได้ 2 คน มีอยู่เย็นหนึ่ง อยากจะลงมาชั้นล่างเพื่อเดินไปซื้อของกินเล่น ก็เลยบอกเพื่อนร่วมห้องว่าจะลงไปข้างล่างหน่อย แล้วรีบออกจากห้อง ถือกระเป๋าตังค์ออกไป เดินมาถึงหน้าลิฟต์ก็กดเรียกลิฟต์ขึ้นมา สักครู่ลิฟต์ก็เปิดออกรีบเข้าไปข้างใน ไม่มีคนอื่นในนั้น พอลิฟต์ปิด เราก็กดชั้นที่จะลงไป แต่ลืมไปว่าต้องใช้การ์ดแตะที่ปุ่ม นึกขึ้นได้ว่าการ์ดอยู่ในห้อง โทรศัพท์ก็ลืมไว้ในห้องอีก ติดต่อหาใครไม่ได้ ทำอย่างไรดีล่ะทีนี้ พยายามกดปุ่มอื่นดูเผื่อมันจะเปิดออกมา ปรากฏว่าไม่มีปุ่มไหนทำงานเลย

Advertisement

Advertisement

ปุ่มกด เคยเห็นในหนังหรือละครว่ามันมีปุ่มที่สามารถกดเรียกให้คนข้างนอกได้ยินเสียงเราได้หรือปุ่มขอความช่วยเหลือที่เป็นรูปกระดิ่ง เราก็ลองกดค้างแล้วพูดว่า "ช่วยด้วยครับ มีคนติดอยู่ในลิฟต์" กดและพูดอยู่หลายครั้งมาก จนเหงื่อเริ่มแตก เพราะอากาศไม่ถ่ายเทด้วย บางทีก็คิดว่าน่าจะมีคนมากดปุ่มเรียกขึ้นลงสักคน รอแล้วก็ไม่เห็นมีใคร ดูเวลาแล้วน่าจะครึ่งชั่วโมงได้ ทนไม่ไหวก็เลยเป็นไงเป็นกัน ลองไปแหวกลิฟต์ดู ผลปรากฏว่าได้เฉยเลย ยืนเหงื่อแตกในลิฟต์ตั้งนาน เพิ่งรู้วิธี เปิดออกมาก็ยังอยู่ชั้นเดิม เลยรีบกลับไปห้องไปเอาการ์ดเพื่อลงไปชั้นล่างอีกครั้ง โดยไม่บอกใคร เพราะรู้สึกอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ลืมเอาการ์ดติดตัวเวลาเข้าลิฟต์อีกเลย

แหวกลิฟท์แต่วิธีที่ผมทำเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่รู้ว่าลิฟต์แต่ละที่จะมีระบบเหมือนกันไหม ที่สำคัญต้องไม่ลืมนำโทรศัพท์มือถือไปด้วยทุกครั้ง เพราะถ้ามีเหตุฉุกเฉินดังกล่าว ก็ยังติดต่อหาคนรู้จักให้มาช่วยเปิดหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ พนักงานในที่พักนั้น ๆ ได้ หากมองในมุมของการป้องกันความปลอดภัยจากบุคคลที่ไม่ได้มาพักก็ทำให้ป้องกันการหลบหนีได้ เพราะถ้าไม่มีการ์ดก็ขึ้นลงลิฟต์ไม่ได้ แต่ถ้าคนมาพักลืมการ์ดแบบผมก็อาจจะเกิดเหตุร้ายแบบผมได้เช่นกัน

Advertisement

Advertisement

ตั้งสติ เมื่อมีเหตุเกิดแบบนี้ การมีสติจึงสำคัญที่สุด ยิ่งถ้าเป็นกรณีติดค้างในลิฟต์เพราะไฟดับจะอันตรายมาก ๆ ต้องค่อย ๆ ตั้งสติเพื่อแก้ปัญหา ถ้าอยู่กันหลายคนยิ่งต้องช่วยกันแก้ปัญหา อย่าโวยวายหรือตกใจจนเกินควร และเวลาขึ้นลงลิฟต์ก็อย่ามัวแต่เล่นโซเชียลจนเพลิน เพราะบางครั้งอันตรายก็เกิดขึ้นในลิฟต์ได้เสมอ นอกจากนั้นอย่าใช้ไฟแช็คหากไฟดับเพราะจะทำให้อากาศไม่ถ่ายเท หายใจลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก ถ้าติดต่อคนข้างนอกได้แล้ว ก็ต้องรอจนมาเปิด ให้ยืนรอดีที่สุด อากาศด้านบนจะดีกว่าด้านล่างหากว่านั่งหรือนอนในห้องแคบ ๆ แบบนั้น

คู่มือ เวลาไปไหนมาไหนที่ไม่คุ้นที่คุ้นมือ อย่าลืมศึกษาระเบียบหรือของใช้ต่าง ๆ ให้ดีก่อนจะใช้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับชีวิตของเราได้ เพียงเพราะไม่ศึกษาให้ดีและประมาทไปเหมือนการติดค้างในลิฟต์ที่กรุงเทพฯ ในครั้งนั้น!

การ์ดห้องพักเครดิต

ภาพปก โดยผู้เขียน และขอบคุณแอป canva ช่วยตกแต่งข้อความให้สวยงาม

ภาพประกอบที่ 1-7 โดยผู้เขียน

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์