ผ่านมาหลายซีซั่น หลายเชื้อผสมกลายพันธ์แปรเปลี่ยนไปเรื่อย นึกว่าตัวเองจะรอดไปทุกซีซั่นแต่ล่าสุดก็บวกจนได้ ส่งท้ายปี 2022 กันเลยทีเดียว จุดประสงค์ของการรีวิวก็เพื่ออยากให้ทุกคนรับมือกับโควิดได้อยากถูกวิธี โดยเฉพาะคนน้ำหนักตัวเยอะ เรามักจะได้ยินใครหลายคนบอกว่าคนอ้วนมักจะเสี่ยงกว่าคนผอมๆ ซึ่งมันก็จริงตามนั้นแต่ไม่ทั้งหมด คนอ้วนมีโอกาสที่จะเป็นไม่หนักเช่นกันหากทราบผลและดูแลตัวเองทันและถ้าเป็นคนอ้วนที่คุ้นเคยกับการออกกำลังกายและรับวัคซินพร้อมบูสวัคซินมาโดยตลอดก็มีโอกาสที่จะเป็นไม่หนักค่ะ ก่อนจะไปดูอาการและวิธีรับมือแบบผู้เขียนมาว่ากันด้วยเรื่องไลฟ์สไตล์ตัวบุคคลกันก่อน ส่วนตัวผู้เขียนอายุ 30 ( ณ ปี 2565 ) หนักร้อยกว่าโล แต่เป็นคนที่ชอบว่ายน้ำมาโดยตลอด และมักจะวิ่งจ๊อกกิ้งก่อนจะออกเดินทางและมีไลฟ์สไตล์ชอบแบกแพ็กแบกเป้เที่ยว พื้นฐานเป็นคนลุยๆ อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แข็งแรง 100% เพราะเป็นภูมิแพ้ ( แพ้อากาศและฝุ่น ) อีกทั้งยังรับวัคซินมาโดยตลอด ปัจจุบันรับมาทั้งหมด 4 เข็มค่ะ โดยจะครบกำหนดต้องบูสเข็ม 5 ในช่วงเดือนมกราคม 2023 สาเหตุที่ต้องบอกในเรื่องไลฟ์สไตล์ตรงนี้ก่อนเพราะผู้เขียนก็ไม่อยากให้ทุกคนทึกทักว่าโควิดมันกระจอกมันไม่อันตรายปล่อยชิลได้ แต่ก็ไม่อยากให้วิตกจริตเกินเหตุจนกลายเป็นทวีคูณความเครียดยิ่งกว่าเดิมนั่นเองเมื่อติดแล้วจะมีอาการอย่างไร... อาการของโควิดนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเหมือนตามแพทย์ระบุไว้โดยอาจจะมีอาการทั้งหมดหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นในส่วนนี้ผู้เขียนจะแยกเป็น 2 หัวข้อคือ อาการโดยรวมตามที่แพทย์ระบุ และ อาการที่เป็นเองจริง ดังนี้อาการโดยรวมตามที่แพทย์ระบุ มีไข้สูง ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไปมีอาการของระบบทางเดินหายใจ + อาการร่วมอื่น ๆ เช่น จาม คัดจมูก มีน้ำมูกแสบคอ เจ็บคอไอ อาจมีเสมหะและไม่มีเสมหะปวดศีรษะอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียในบางคนอาจมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบากสูญเสียการรับรู้รส หรือรับกลิ่น อาการที่เป็นเองจริง 1. มีอาการเจ็บคอมากที่สุด คอแห้งตลอดเวลา รู้สึกระคายเคืองที่คอ ยิ่งกลืนน้ำลายหรือน้ำจะยิ่งเจ็บ ตามมาด้วยเสียงเปลี่ยน ช่วงแรกๆ เสียงหายไปเลย และค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ2. มีอาการไอ ไอเป็นช่วงๆ ผู้เขียนไม่ได้ไอถี่ตลอดเวลาแบบคนอื่น แต่จะไอตอนนอนมากที่สุด ช่วงวันที่ 2 - 3 นอนๆ อยู่ก็ลุกขึ้นมาไอ ไอแบบน้ำตาเล็ดเลย เพราะยิ่งไอยิ่งเจ็บคอ3. รับรู้รสและกลิ่นได้ปกติ 4. ความอยากอาหารไม่ได้ลดลง กินได้ปกติ 5. มีไข้เป็นพักๆ แต่ไม่นอนซม ทำงานต่อเนื่องได้ ( แต่มันควรพักนะคะ )6. รู้สึกหนาวตลอดเวลา หนาวมากกว่าปกติชนิดที่ว่าปิดพัดลมหมดก็ยังรู้สึกหนาว7. การหายใจ ผู้เขียนหายใจได้เป็นปกติ ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ทั้งเดินขึ้นลงบันไดบ้าน ทำกับข้าว ออกกำลังกาย ( วิ่งสลับเดิน ) ได้โดยไม่หอบเหนื่อย ถ้าทุกคนเป็นแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก กลั้นหายใจไม่ได้ สูดหายใจยาวๆ ลึกๆ ไม่ได้ แบบนี้เชื้ออาจจะกำลังลงปอด ถ้ารู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติแนะนำให้รีบพบแพทย์ รักษาเองคืออย่างไร...พูดว่ารักษาเองนี่หมออาจจะกำหมัดใส่แล้ว ไม่ได้รักษาเองแบบนั่งมโนจดลิสต์และสรุปอาการตัวเองแบบนั้นนะคะ จริงๆ คือการสังเกตอาการตัวเองและแจ้งให้ผู้เชียวชาญทางด้านสุขภาพทราบ เช่น ผู้เขียนที่มีแม่ น้องสาว และน้าเป็นพยาบาล เราก็แจ้งอาการกับเขา เขาก็ไปหายาที่จะช่วยลดอาการนั้นๆ ให้เรา หาซื้อสิ่งจะช่วยเราได้มาเสริมเพิ่มให้ เช่น เครื่องวัดออกซิเจน หรือยาละลายเสมหะแบบเม็ดฟู่ เครื่องดื่มวิตามินต่างๆ โดยปกติคนทั่วไปก็คงไปโรงพยาบาลในทันทีเพื่อรับการตรวจอีกครั้งและรับยากับแพทย์แล้วมาดูแลตัวเองต่อที่บ้านต่อ แต่ผู้เขียนคุยกับแม่ซึ่งเป็นพยาบาลประเมินอาการว่าไม่หนัก และผู้เขียนก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ในการลางานก็เลยไม่ไปโรงพยาบาล ซื้อยาในร้านขายยาให้เภสัชจัดยาสำหรับผู้ป่วยโควิดให้แทน และกลับมาดูแลตัวเองที่บ้านพร้อมแยกตัวกับคนในครอบครัว เลี่ยงการสัมผัสพบเจอกับคนอื่นๆวิธีดูแลตัวเองขณะรักษาตัว1. งดน้ำเย็น เครื่องดื่มเย็น เพื่อลดอาการเจ็บคอและการไอ2. เลี่ยงอาหารรสจัด เพื่อลดอาการระคายคอ3. ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ 4. ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย นอนซมจะนอนมากแค่ไหนก็ต้องตื่นขึ้นมาดื่มน้ำเยอะๆ หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอจะเกิดอันตรายได้ 5. ถ้ารู้สึกเจ็บคอมาก เสียงหาย นอกจากยาอมแก้เจ็บคอ สเปย์พ่นคอ สามารถบรรเทาอาการด้วยการดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ หรือน้ำมะนาวผสมขิงเล็กน้อยได้ ( วิธีทำง่ายมาก บีบมะนาว 1 หรือ 1 ลูกครึ่ง ผสมน้ำอุ่น ใส่เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย ใส่ผงขิงลงไป 1 ช้อนชา หรือใครจะใช้ขิงสดก็ได้เช่นกัน ช่วยบรรเทาอาการได้ดีไม่แพ้ยาอมแก้เจ็บคอเลยค่ะ ) 6. หมั่นสังเกตอาการที่เกี่ยวกับการหายใจ รวมถึงหมั่นตรวจวัดระดับออกซิเจน ระดับออกซิเจนที่ถือว่าปกติคือมากกว่า 95 ขึ้นไป ของผู้เขียนจะอยู่ที่ 97 - 99 ถ้าค่าออกซิเจน "ไม่ปกติ" เลขที่ปรากฏบนหน้าจอจะกระพริบไม่หยุดค่ะ ถ้ามันต่ำจนผิดปกติ ประกอบกับรู้สึกว่าหายใจไม่อิ่ม หายใจไม่สะดวก หรือเหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรแนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจค่ะ ( ข้อมูลส่วนนี้ผู้เขียนสอบถามโดยตรงกับพยาบาลค่ะ ) โดยปกติแล้วเมื่อเราเป็นโควิดอาการจะออกชัดประมาณวันที่ 3 สองวันแรกจะเหมือยคนเป็นไข้หวัดธรรมดา ซึ่งแม้จะตรวจ ATK ผลก็อาจจะยังขึ้นเป็นลบ ทางเราตรวจวันแรกและวันที่สองในตอนที่มีอาการขึ้นเป็นลบทั้งสองวันเลย แต่วันที่สามรู้สึกว่าอาการมันไม่ดีขึ้น ทั้งๆ พักผ่อนเพียงพอ กินยาลดไข้ ก็เลยทำการตรวจอีกรอบ ผลคือบวก ขึ้นสองขีดเป็นบวกชัดเจนให้เรานับวันที่ผลขึ้นเป็นบวกเป็นวันที่ 1 จากนั้นสังเกตต่อที่ 2 - 4 วัน อาการจะต้องดีขึ้นตามลำดับ หากยังไม่ดีขึ้นหรือดูเหมือนหนักขึ้น มีความเสี่ยงว่าเชื้อจะลงปอดให้รีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ กรณีของผู้เขียน วันที่ 3 นับจากวันแรกที่ผลเป็นบวก คือดีขึ้นเป็นอย่างมาก มีเพียงเจ็บคอ ไอ เสียงเปลี่ยนที่ยังคงอยู่ และอาการที่เหลือก็ค่อยๆ ดีขึ้น โดยวันที่ 5 แทบไม่มีอาการอะไรแล้วนอกจากเสียงยังคงไม่กลับมาเหมือนเดิม แต่ตรวจแล้วยังขึ้นเป็นบวก เราจะต้องหมั่นตรวจ ATK ผลจะขึ้นโชว์สองขีดเข้มในวันแรก และขีดตัวทีจะคอยๆ จางลงไปเรื่อยๆ จนถึงกลายเป็นขีดเดียวก็คือ "ไม่มีเชื้อ" โดยรวมของผู้เขียนใช้เวลาทั้งหมด 1 อาทิตย์ผลจึงขึ้นเป็นลบค่ะ และปัจจุบันกลับมาปกติเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะเป็นไม่หนัก แต่ต้องระวังอย่าติดซ้ำเพราะในครั้งต่อๆ ไปอาการจะหนักขึ้น ดังนั้นถึงแม้รอบแรกจะเป็นไม่หนักก็อย่าได้อย่าชะล้าใจลืมระวังและป้องกันตัวเองค่ะ และนี่คืออาการทั้งหมดของผู้เขียน สำหรับผู้เขียนนั้นรู้สึกว่ามันเหมือนกับไข้หวัดใหญ่เลย มีแค่การเจ็บคอที่รู้สึกว่ามันทรมานกว่าเจ็บคอทั่วๆ ไปเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่เป็นเลยก็จะดีกว่า สำหรับอาการ long covid ที่มีลักษณะคือมีอาการผิดปกติยาวนานกว่า 4 สัปดาห์ ทั้งๆ ที่เชื้อโควิด-19 หายไปแล้วนั้น สำหรับผู้เขียนจากวันที่หายจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ไม่มีอาการใดๆ ค่ะ แต่ก็คงต้องหมั่นสังเกตตัวเองและหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไว้ค่ะ เอาล่ะค่ะสุดท้ายนี้หากอยากจะติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของผู้เขียน ก็สามารถติดตามได้ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะเรียบเรียงเนื้อหาและภาพโดยหญิงเถื่อน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !