มาถึงรอบชิงชนะเลิศกันแล้ว ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล2021/22 นัดสุดท้ายของถ้วยในเวทียุโรปฤดูกาลนี้ เป็นการพบกันระหว่าง "ลิเวอร์พูล พบ เรอัลมาดริด” สองทีมที่ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงรอบชิงในปีนี้ หลายคนบอกว่าพวกเขาทั้งสองทีมเหมาะสมแล้วที่จะได้เข้าชิงในปีนี้สถิติต่างๆ แทบจะใช้ไม่ได้กับนัดชิงชนะเลิศแบบนี้ เพราะเมื่อดูแล้ว ทีมลิเวอร์พูล หลายคนมองว่าทุกอย่างเหมือนเป็นใจให้กับทีมหงส์แดงเป็นแชมป์ยูฟ่า อย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เจอทีมที่ไม่หนักมากอย่าง เรือดำน้ำสีเหลือง บียาร์เรอัล และชนะไปด้วย สกอร์รวม 5-2 แต่จะบอกบียาร์เรอัล เป็นทีมธรรมดาก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะตบทีมใหญ่มา แบบที่สถิติที่มีในมือต้องลบทิ้งกันเลยทีเดียว เพราะใช้ไม่ได้กับ บียาร์เรอัล ในปีนี้ ตบทั้งยูเวนตุส และต่อด้วย บาเยิร์น มิวนิค ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ทางด้างราชันชุดขาว เรอัลมาดริด ในปีนี้ เรียกได้ว่า “นกหวีดยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพราชัน” คาดเดาไม่ได้กับพวกเขาในปีนี้ หลายคนบอกว่าพวกเขาจะไม่ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกเลย นั่นก็เพราะไม่มีดาวยิงอย่าง “คริสเตียโน โรนัลโด้” แต่เรอัลมาดริด ใช้เวลาไม่นานในการพิสูจน์ว่าข้าคือราชัน เจ้าแห่งยุโรป เขาคว้าแชมป์มากที่สุดแล้ว 13 สมัยในเวทีนี้ การผสมผสานนักเตะชุดเก่าและชุดใหม่อย่างลงตัว ทั้ง คาริม เบนเซม่า,ลูกก้า โมดริด, เวเนซิอุส จูเนียร์,โรดดรีโก้ โกเอส และอีกหลายๆคน รวมไปถึงการที่พวกเขาจะเรียกได้ว่าราศีแชมป์จับจริงๆ เพราะพวกเขาพลิกนรกมาแล้วหลายต่อหลายครั้งพลิกชนะทีมดังจากฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต่อด้วย พลิกชนะสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี และจมเรือใบสีฟ้าอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ละนัดที่ไล่เรียงมา มันคือการพลิกนรก จากผู้ตามกลายมาเป็นผู้นำ และเป็นผู้ชนะในที่สุด แฟนบอลอย่างเรา อาจจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในโลกฟุตบอล การพลิกชนะยอดทีมทั้งหลายนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ คาร์โล อันเชล็อตติ บอกว่า “เกมส์ที่ยากที่สุด คือเกมส์ที่เจอกับเชลซี ในสนาม ซานเตียโก เบอร์นาบิว” พิสูจน์แล้วว่าแต่ละเกมมันไม่ง่ายทั้งสองทีมเคยเจอกันมาแล้ว ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อ 2018 ในปีนั้นเป็นเรอัล มาดริด เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 หลายคนบอกว่ามันคือการล้างแค้นของหงส์แดงลิเวอร์พูล หรือ คือการทวงบัลลังก์ของราชันชุดขาว เรอัล มาดริด แต่แฟนบอลอย่างผมอยากบอกว่า ที่จริงแล้วมันคือการแสดงให้ถึงการเป็นยอดทีมของทั้งสองทีมต่างหาก พวกเขามีสิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม หัวใจที่มุ่งมั่น การไม่ยอมแพ้ สู้จนหยดสุดท้าย และแฟนบอลที่พร้อมยืนเคียงข้างพวกเขาอารมณ์แฟนบอลอย่างเราตอนนี้ ได้แต่นั่งตั้งตารอว่าใครกันนะจะได้เป็นเจ้ายุโรป ติดตามได้ในศึกรอบชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล2021/22 ในค่ำคืนนี้ 28 พ.ค. 65 สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เวลา 02.00 น. ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ด้วยครับ ผู้เขียน สายฟ้าสีดำเครดิตภาพปก ภาพต้นฉบับจาก Official Page : ภาพที่ 1 เครดิตภาพจาก facebook : UEFA Champions League / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 Communityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์