ต้มจิ๋ว ถ้าเสิร์ชดูในกูเกิ้ล จะพบหลายสูตรที่มาพร้อมป้ายกำกับว่า 'อาหารไทยโบราณ' และมีตำนานอันทรงเกียรติอธิบายมาอีกด้วย ว่าเป็นอาหารที่ชนชั้นสูงคิดค้นขึ้น เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายในหน้าหนาว ด้วยเพราะมีรสชาติเผ็ดร้อนจากสมุนไพรหลายชนิด ทั้งพริกขี้หนูสวนทุบ หอมหัวแดง ใบกะเพราและใบโหระพา เป็นต้น แต่ต้มจิ๋วฉบับที่เราจะมาทำกันในวันนี้ ต้องขอออกตัวก่อนว่า เป็นต้มจิ๋วที่ดัดแปลงจากมาสูตรโบราณนั่นแล แต่เอามาประยุกต์ให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่เราต้องการ นั่นก็คือ "สารต้านอนุมูลอิสระ" ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง เอาเป็นว่า ใครอยากรู้สรรพคุณเพิ่มเติม สามารถค้นหาข้อมูลโดยพิมพ์คำว่า "แอนโทไซยานิน" ใส่กูเกิ้ลได้เลย ขึ้นมาให้อ่านละลานตาแน่นอน "แอนโทไซยานิน" ในวันนี้ มากับมันเทศสีม่วง เน้น ๆ แน่น ๆ ทำให้ต้มจิ๋วมีสีสันสดใส ( แน่ล่ะสิ ม้วงม่วงเลยล่ะ ) แต่คงรสชาติกลมกล่อมตามสูตรโบราณ ที่มีทั้งรสเปรี้ยวจากน้ำมะขามและน้ำมะนาว รสเผ็ดจากพริกขี้สวนทุบ รสร้อนจากใบกะเพรา และรสหวานจากเนื้อหมูและมันเทศ ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ ส่วนผสม 1. มันเทศ 2 หัว ปอกเปลือกให้เกลี้ยง ระวังอย่าใช้หัวที่มีแมลงหรือมีจุดดำ ๆ เพราะไม่สวย และอาจทำให้น้ำซุปมีรสขม เราเอาแค่แอนโทไซยานินจากมันเทศ และโปรตีนจากเนื้อหมูก็พอ ไม่ต้องเอาโปรตีนจากแมลงเนาะ หั่นเป็นชิ้นเต๋าหรือจะชิ้นใหญ่ก็ได้ ตามชอบเลยค่ะ ของเราหั่นชิ้นใหญ่เพราะชอบ เคี่ยวสักพักให้น้ำซุปหวาน ๆ เวลากินก็ค่อย ๆ ตัดชิ้นใหญ่แบ่งกินค่ะ 2. เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นเหลี่ยม ( สูตรโบราณจะหั่นเป็นชิ้นเหลี่ยม ๆ สูตรสมัยใหม่หน่อยจะหั่นเป็นชิ้นบาง) ประมาณ 300 กรัม เน้นเนื้อเต็ม ๆ คำ ( สูตรโบราณจะเป็นต้มจิ๋วเนื้อ แต่เนื่องจากเราไม่กินเนื้อเพราะย่อยยาก เลยใช้หมูแทนค่ะ ซึ่งก็ได้หมด ไม่ว่าจะเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ตามชอบอีกเช่นเคย ) 3. น้ำมะขามเปียกประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ( ของเราใช้เป็นน้ำบวกเนื้อมะขามเปียกข้น ๆ ได้มาจากงานอาหารเพื่อสุขภาพ ในรูปเลยจะไม่เป็นน้ำค่ะ ) 4. หอมแดง ประมาณ 4-5 ลูก จะใส่ลงหม้อเป็่นลูกเลยหรือจะซอยก็ได้ 5. ใบกะเพราประมาณ 1 กำเล็ก 6. พริกขี้หนูสวน 15-20 เม็ด 7. น้ำปลาประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ 8. น้ำมะนาวประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ถ้าอยากใส่ใบโหระพาตามสูตรโบราณ ก็ใส่เพิ่มได้นะคะ ของเราเน้นใบกะเพราเผ็ดร้อน ไม่ได้ใส่โหระพาค่ะ วิธีทำ 1. ตั้งน้ำให้ร้อน หย่อนหมูลงไปต้มให้สุก หมั่นตักฟองออกเรื่อย ๆ 2. พอหมูสุกแล้ว เอามันเทศสีม่วงหั่นชิ้นใส่ลงไป ตามด้วยหอมแดง เคี่ยวต่อจนมันเทศสุก 3. พอมันเทศสุกแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำปลา และพริกขี้หนูสวน 4. โรยใบกะเพราลงไป แล้วตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ เป็นอันเสร็จพิธี ใครชอบเผ็ดร้อน เวลารับประทานก็เคี้ยวพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆ พร้อมใบกะเพราไปด้วยระหว่างเคี้ยวหมูหนึบหนับ กลมกล่อมในปาก และซดน้ำรสเปรี้ยวหวานตามให้คล่องๆ คอ ฟินสุด ๆ ไปเลย ทำง่าย อร่อย อุดมด้วยโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระ จะช้าอยู่ใย สรรหามาทำกันเถิดทุกคน ขอให้อิ่มอร่อยและมีพลังในทุกๆ วันค่ะ ภาพทั้งหมดโดย : นักเขียน