ต้องมนต์ บูดาเปสต์ ฉันเคยเห็นภาพถ่ายของเพื่อนบน Facebook เป็นภาพที่เพื่อนคนนั้นยืนอยู่ใกล้สะพาน เบื้องหลังมีสะพานทอดยาวและแสงไฟ ฉันถามเพื่อนคนนั้นว่าที่นั่นคือที่ไหนเพื่อนตอบว่า "บูดาเปสต์" ฉันจ้องมองภาพนั้นแล้วก็คิดในใจว่าจะดีแค่ไหนนะ ถ้าฉันไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง และแล้วฉันก็ได้ไปเยือนบูดาเปสต์สมใจเราเดินทางจากสถานีรถไฟ Mosonmagyarovar เมืองเล็ก ๆ ในฮังการี ไปถึงสถานีรถไฟ Keleti ในเมืองบูดาเปสต์ ด้านนอกสถานีรถไฟค่อนข้างเก่ามากเหมือนอยู่ในสมัยสงครามยังไงยังงั้นทำให้ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่านี่มันใช่เมืองเดียวกับภาพสวย ๆ ที่ฉันเคยเห็นหรือเปล่า เพราะว่าบริเวณสถานีรถไฟ มันช่างดูแตกต่างจากสิ่งที่เห็นในรูปภาพยิ่งนัก เราพักกันที่โรงแรม Kempinski เพราะเราใช้สิทธิ์สะสมแต้มของสายการบิน British Airways ทำให้เราได้พักที่โรงแรมนี้ในราคาที่ถูกลง ห้องพักกว้างขวางอย่างที่ไม่นึกว่าจะเจอในโรงแรมในยุโรปและทำเลก็สะดวกสบายสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้ง่าย ๆ จุดหมายแรกของเราคือ St. Stephen’s Basilica ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในบูดาเปสต์ ฉันเดินผ่านร้านไอศครีมร้านหนึ่งที่เห็นคนมุงกันต่อแถวออกมายาวเหยียดทุกๆคนถือไอศครีมรูปดอกกุหลาบแสนสวยออกมาจากร้านทำให้ฉันตรงดิ่งเข้าไปแล้วก็พบกับพนักงานหน้าตาน่ารักยืนขายอยู่ ไม่ใช่แค่สวยเท่านั้นแต่ยังอร่อยมาก ๆ ด้วย ร้านนี้ชื่อ Gelarto Rosa ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์เลย ออกจากร้านไอศกรีม ก็สามารถหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปกันได้เลย St. Stephen’s Basilica ตั้งตระหง่านดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว มีลานกว้างด้านหน้า และรอบ ๆ เป็นร้านอาหารและคาเฟ่น่านั่งหลายร้าน โบสถ์นี้ยิ่งใหญ่สมกับใช้เวลาก่อสร้างนานหลายสิบปีจริง ๆ เราเดินข้ามสะพานเชนวันละหลาย ๆ แม่น้ำดานูบที่อยู่เบื้องล่างดูเหมือนไม่เคยพัก สะพานเชนในตอนกลางวันดูเป็นสะพานที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่รองรับผู้คนวันละหลายร้อยคนแต่ในตอนกลางคืนเปลี่ยนเป็นสะพานที่แสนจะโรแมนติกประดับด้วยไฟแสนสวย ดูเหมือนเราอยู่ในช่วงปีใหม่หรือคริสต์มาสตลอดทั้งปี ฉันยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารรัฐสภา มองเห็นอาคารรัฐสภาสลับกับสะพานเชนสวยจนลืมหายใจ และรูปของเพื่อนฉันที่ฉันเห็นคราวนั้นไม่เทียบเท่ากับของจริงเลยแม้แต่น้อย ฉันยืนอยู่เหมือนต้องมนต์สะกด ฉันสามารถที่จะยืนอยู่ตรงนั้นแล้วก็มองไปที่แสงไฟได้ทั้งคืนถ้าไม่ติดว่ามีฝนปรอย ๆ ลงมาเป็นบางช่วง วันถัดไปเราไปกันที่ Fisherman's Bastion เป็นป้อมชาวประมงสีขาว อยู่บนเนินเขา และมีโบสถ์เก่าแก่ชื่อ แมทเทียส อยู่ด้านหน้า บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบูดาเปสต์ ฉันมองลงไปที่วิวเบื้องล่างช่างสวยงามมาก ๆ ฉันลืมความคิดแวบแรกตอนที่เห็นสถานีรถไฟไปเลย ตามธรรมเนียม เราแวะทานเค้กกันที่ New York Cafe ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่สวยที่สุดในโลก เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม New York Palace บรรยากาศเหมือนนั่งทานอาหารอยู่ในพระราชวัง เราต้องอีเมลไปจองล่วงหน้าแล้วก็ตามที่คาดไว้ ฉันคิดถูกมากที่จองล่วงหน้าเพราะคิวยาวเหยียด ระหว่างทานอาหารมีนักดนตรีเล่นคลอไปด้วยเราสั่งชีสเค้กและเครื่องดื่ม ตัวชีสเนียน ละลายในปาก เรามองไปรอบๆผู้คนต่างยิ้มแย้ม เหมือนทุกคนต่างก็หลงเสน่ห์เมืองนี้เหมือนกันกับฉัน ฉันคงต้องมนต์บูดาเปสต์แล้วจริง ๆ ไม่อยากกลับเลย เมืองนี้ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะรูปถ่ายที่สวยที่สุดในอินเตอร์เน็ต ไม่ใกล้เคียงความจริงเลยสักนิด ทุกอย่างดูลงตัว ทั้งตัวอาคารสวยงาม ขนานไปกับแม่น้ำดานูบ แสงไฟยามค่ำคืน ที่ให้บรรยากาศเหมือนการเฉลิมฉลอง ใครที่ไหนจะอดใจไม่หลงได้ล่ะ จริงมั้ย " ภาพปกและภาพประกอบโดย ผู้เขียน "