กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะสำหรับการถอดด 5 บทเรียนจากเพลง ครั้งนี้เมลโล่กลับมาพร้อมกับเพลงสุดโรแมนติกอย่างเพลง A rocket to the moon เพลงในงานแต่งงานของคุณ Gavin D. นั่นเองค่ะ เรียกว่าเป็นเพลงสำหรับคนคลั่งรักที่แท้จริง ภายใต้ความบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักเหล่านี้ จะแฝงไปด้วยบทเรียนอะไรบ้าง มาเริ่มกันเลยค่ะ 1. Won't you follow me, my dear?ประโยคคำถามนี้ใช้โครงสร้างแบบ negative question ก็คือการขึ้นต้นด้วยรูปปฏิเสธ ซึ่งหลักการของมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากเลยค่ะ เหมือนประโยคคำถามทั่วไป และเติม not เข้าไปหลัง verb ช่วยของประโยคนั้นๆได้เลย ส่วนใหญ่มักใช้รูปย่อของมัน เช่น will not จะเขียนเป็น won’t แทน โดยความหมายของประโยคคำถามแบบนี้มักจะแปลได้ว่า จริงหรอ, ไม่ใช่หรอ อย่างประโยคนี้ก็จะแปลว่า จะไม่ไปด้วยกันหรอที่รัก?อีกหนึ่งอย่างที่น่าปวดหัวของการตอบรับประโยคคำถามแบบปฏิเสธ คือถ้าถามว่าไม่มีใช่ไหม ถ้ามีให้ตอบว่า ใช่ ถ้าไม่มีให้ตอบ ไม่ เช่นQ: Don’t you have a dog?A (have): Yes, I do. Shih Tzu and Maltese.A (don’t have): No, I don’t. I am a cat person. 2. I've got plans for you up herePerfect tense เป็นหนึ่ง tense ที่เชื่อเลยว่าทุกคนที่ได้รู้จักมันครั้งแรกต้องงงว่าต้องใช้ตอนไหน ใช้อย่างไร เพราะเมื่อไรก็ตามที่พูดถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรืออะไรที่เป็นช่วงเวลา คนไทยก็จะใช้คำบอกเวลาแยกออกมาเป็นส่วนขยายของประโยค แต่ Perfect tense ดันรวมเข้าไปในคำกริยาเรียบร้อย เพราะฉะนั้นถ้าไม่คุ้นชิน การสังเกต tense นี้และลองใช้บ่อยๆจึงจะประโยชน์มากๆค่ะ อย่างประโยคนี้เป็น Present Perfect Tense แปลว่าเขานั้นได้วางแผนเป็นช่วงเวลาหนึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพิ่มความน่ารักของเขาไปอีกสเตป เพราะมันแปลว่าเขาตั้งใจจะบอกว่าเขาตั้งใจแพลนมาให้คุณเยอะเลยค่ะ 3. Let's get on a rocketshipข้อนี้นับเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแล้วกันค่ะ คำว่า Let’s ที่เราเห็นบ่อยๆ ที่จริงแล้วย่อมาจาก Let us นั่นเอง ใช้เป็นการเชิญชวนแบบที่เข้าใจกันดี ในขณะเดียวกันการใช้ Let ต้องตามด้วยคำสรพพนามที่เป็นกรรมของประโยคเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ Let us จะเป็นเชิงการอนุญาตแทนค่ะ เช่น Let me in (ให้ฉันเข้าไปหน่อย), Let her go (ปล่อยเธอไปเถอะ) เป็นต้นค่ะ 4. There will be my heart, waiting for you my babyข้อนี้ถ้าจะมองให้เป็นแกรมม่าจ๋าๆเลยก็ย่อมได้ แต่เมลโล่มีทริคเล็กน้อยมาฝากเผื่อจะรู้สึกว่าอ่านประโยคภาษาอัวกฤษได้ง่ายขึ้นค่ะ ประโยคนี้เป็นการรวม 2 ประโยคย่อยเข้าด้วยกันคือ (1.) There will be my heart that is (2.) waiting for you my baby - (1.) จะมีใจของฉันที่ (2.) รอเธออยู่เสมอ แต่เวลาเขียนก็จะละคำว่า that is (ที่) ไว้ แล้วต่อด้วย waiting ได้เลยนั่นเองค่ะ 5. Lost for wordsBe lost for words เป็นวลีที่แสดงถึงอาการช็อค ประทับใจ ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก เหมือนกับว่าคำพูดมันหายไปจากหัวหมดเลยค่ะ เวลาใช้ก็จะต้องใช้ verb to be นำหน้า แล้วผัน tense ที่ verb to be ได้เลยค่ะจบไปแล้วค่ะกับถอด 5 บทเรียนจากเพลงรักอย่าง A rocket to the moon - Gavin D. ค่ะ ถ้าชอบการถอดบทเรียนจากเพลงของเมลโล่ฝากกดติดตามกันไว้ได้เลยนะคะ บทความดีๆแบบนี้จะมีมาฝากทุกคนเรื่อยๆแน่นอนค่ะ ภาพปก และภาพประกอบ จาก pixabay by jplenio / 992 Bilder*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565