หลังจบวิกฤติหลายๆองค์กรอาจลดเวลาการทำงานที่ออฟฟิศและเปลี่ยนไปทำงานแบบ Work from home มากขึ้นเพราะเห็นได้ชัดว่าในช่วงเกิดวิกฤตินั้นพนักงานก็สามารถทำงานที่บ้านได้ เพียงแค่สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย จึงไม่มีความจำเป็นมากเท่าไหร่นักจะเข้าออฟฟิศ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงจะทำให้มีผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน งั้นเรามาดูกันว่าธุรกิจใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ 1. กระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปกติแล้วชาวออฟฟิศจะมีการซื้อหรือเช่าคอนโดใกล้ที่ทำงานที่สุด เพื่อให้สะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน แต่ถ้าหากยังคงต้อง Work from home การเดินทางน้อยลงเพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ใกล้ที่ทำงานอีก อาจส่งผลให้การซื้อหรือเช่าคอนโดหรือที่พักในโซนเมืองซึ่งเป็นแหล่งงานลดลง แต่คนจะเปลี่ยนไปอาศัยแถวชานเมืองมากขึ้น 2. กระทบกับธุรกิจซื้อขายรถยนต์ เมื่อไม่ต้องเดินทางไปทำงาน การซื้อรถยนต์ก็ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่นัก ธุรกิจการขายรถยนต์อาจมียอดขายที่ลดลงได้ 3. กระทบกับธุรกิจอาหาร เมื่อคนอยู่บ้านมากขึ้น การนั่งรับประทานอาหารตามร้านก็จะน้อยลงไปด้วย ผู้คนอาจมีการทำอาหารทานเองที่บ้าน หรือไม่ก็สั่งอาหารเดลิเวอรี่กันมากขึ้น หากร้านอาหารไม่มีการปรับตัวและเพิ่มบริการส่งแบบเดลิเวอรี่เข้ามาก็อาจจะส่งผลให้ยอดขายลดลงได้ 4. กระทบกับธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เมื่อคนออกจากบ้านน้อยลง ก็จะเดินห้างและร้านสะดวกซื้อน้อยลงแล้วจะหันมาซื้อของผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้น ห่างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อควรเพิ่มบริการเดลิเวอรี่และบริการส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อไม่ให้ยอดขายลดลง 5. ธุรกิจบริการรถสาธารณะ จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาที่คนใช้รถสาธารณะกันมากที่สุดก็คือเวลาเช้าที่เดินทางไปทำงาน และเย็นคือเดินทางกลับบ้าน เมื่อคนเดินทางไปทำงานน้อยลง การใช้บริการรถสาธารณะก็จะน้อยลงเช่นกัน รถสาธารณะต่าง ๆ อาจมีการปรับลดเที่ยวการเดินทางต่อวันให้นอยลงตามจำนวนผู้โดยสาร เครดิตรูปภาพ ปก https://www.freepik.com/ 1 https://www.freepik.com/ 2 https://www.freepik.com/ 4 https://www.freepik.com/ 5 https://www.freepik.com