หากพูดถึง "พญานาค" เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก โดยเฉพาะชาวไทยอย่างพวกเรา ที่เเทบจะเกินครึ่งค่อนประเทศที่เคารพนับถือท่าน (ผู้เขียนเองก็เช่นกัน) พญานาค เป็นสัตว์กึ่งเทพ ที่มีภาวะเป็นทิพย์ มีอำนาจอิทธิฤทธิ์ พละกำลังยิ่งใหญ่มหาศาล และมีพิษมาก พวกพญานาคอยู่ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก พญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่ มีหงอน ดวงตาสีแดง มีเกล็ดมากมายหลายสีแตกต่างกันไปตามแต่ละตระกูล มีสภาพเป็น "งู" ส่วนในเวลาปกติจะอยู่ในสภาวะของนาคก็ได้ เป็นทิพย์ภาวะก็ได้ หรืออยู่ภาวะของมนุษย์ก็สามารถทำได้ ด้วยเพราะแรงศรัทธา หรืออะไรก็แล้วเเต่เลยทำให้ผู้เขียน มักจะมาเที่ยวทางภาคอีสานอยู่บ่อยครั้งเท่าที่ทำได้ (ยกเว้นช่วงโควิด) และครั้งนี้ ผู้เขียนก็ตั้งใจที่จะมาที่ "วัดถ้ำศรีมงคล" หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า "ถ้ำดินเพียง"วัดถ้ำศรีมงคล หรือ ถ้ำดินเพียง ตั้งอยู่ที่ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย .. หากมาจากตัวเมืองหนองคาย จัดว่าไกลอยู่มากพอตัว ดังนั้นหากใครอยากแวะมาที่นี่ ทางผู้เขียนขอแนะนำรีสอร์ตริมโขงแถว ๆ อ.สังคม นะคะ ติดริมโขงราคาไม่แรงแถมมีข้าวเช้า และที่สำคัญคือใกล้กับถ้ำดินเพียงมากพอสมควร สำหรับสาเหตุที่ได้ชื่อว่าถ้ำดินเพียง สืบเนื่องมาจากว่าถ้ำแห่งนี้ มีปากทางเข้าถ้ำอยู่เสมอพื้นดิน และตัวถ้ำก็อยู่ใต้ดิน ในสมัยก่อนเข้าใจว่าบริเวณปากถ้ำเป็นเพียงหลุมธรรมดาเท่านั้น ภายในถ้ำมีโพรง และมีซอกซอยสลับซับซ้อน แบ่งแยกออกไปหลายเส้นทาง มีเสาหินหลายร้อยเสา บางจุดเป็นห้องโถงกว้าง สามารถเชื่อมทะลุถึงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ (จากที่ไกด์เล่าประวัติให้ฟัง..เขาเล่าว่าเดิมทีมีพระธุดงค์ จะนิยมใช้ทางนี้ในการสัญจรข้ามไปมาระหว่างประเทศ ...และหากไม่ชำนาญทางก็อาจจะหลงได้) ลักษณะขนาดของรูใหญ่กว่าตัวคนเพียงเล็กน้อย เหมือนกับเส้นทางของงูใหญ่ ภายในโพรงก็มีน้ำไหลไปตามซอกซอยทุกเส้นทาง และพื้นดินที่ผู้เขียนได้สัมผัส มันมีมีกรวดหินเล็ก ๆ ไม่ตำหรือบาดเท้าเลย ประหนึ่งว่ามีคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา) ทำให้มีความเชื่อว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่และที่สัญจรของพญานาค จึงเรียกถ้ำนี้ตามความเชื่อว่า "ถ้ำพญานาค" ภายในถ้ำจะถูกเรียกว่า "ศาลพันห้อง" ค่ะ ...ศาลพันห้อง เป็นชื่อเรียกภายในถ้ำที่มีเสาหินคั่นระหว่างห้องต่าง ๆ หลายพันห้องค่ะ ภายในถ้ำดินเพียงก็มีห้องมีรูมากมายหลายพันจุด เเต่จะมีเพียง 9 ห้อง ที่เปิดให้สำหรับนักท่องเที่ยวได้เข้าชมนะคะ เมื่อไปถึง อันดับแรกก่อนที่จะเดินเข้าไปยังตัวบริเวณด้านในวัด แนะนำให้จัดเเจงธุระส่วนตัวเรื่องกินเรื่องเข้าห้องนงห้องน้ำก่อนนะคะ แล้วค่อยเข้าไปไหว้พระ กับไหว้ปู่อินทร์และย่าเกตุ เพื่อขอขมาหากทำสิ่งใดที่ผิดพลาดไปและขอพรค่ะ จากนั้นถ้ายังไม่เจอ จนท.นั่งรอสักพักนะคะ (ไม่นานค่ะ) เพราะจะมีไกด์พาลง เเต่การลง 1 ครั้งจะพาคนไปไม่มากค่ะ ก่อนลงถ้ำกรุณาถอดรองเท้า ห้ามถ่มน้ำลาย และห้ามถ่ายของเสียออกจากร่างกายภายในถ้ำนะคะ (ข้อถามเด้อจ้า) ช่วงแรก (ตั้งแต่ทางลงปากถ้ำ) ทางลงเพดานค่อนข้างต่ำ ต้องก้มลงหน่อยค่ะ เพราะปากทางเข้าจะอยู่เสมอพื้นดิน (คนตัวเล็กยังต้องก้ม ผู้เขียนสูง173 เซนติเมตร ต้องย่อแค่ไหนก็คิดดู) ช่วงเเรกนี้ เรียกว่า มีทั้งก้ม ทั้งย่อ ทั้งมุด พอผ่านไปได้ไม่นานก็จะมาเจอกับโพรงขนาดเล็กที่แคบมาก ๆ (มากจริง ๆ) ซึ่งเราต้องผ่านทางนี้กันไปค่ะ สำหรับคนตัวอ้วนใหญ่อาจจะลำบากหน่อยนะคะในจุดนี้ และไม่แนะนำสำหรับผู้ที่กลัวที่แคบนะคะ เพราะว่าขนาดว่าผู้เขียนไปกับน้องและแฟน..ผู้ชายสามคนพร้อมใจกันอุทานเลยค่ะเมื่อเห็นช่องนี้ เมื่อผ่านห้องที่ 1 ซึ่งเป็นห้องโถงทางเข้าที่มีโพรงแคบแสนกร้าวใจมาเเล้ว เราก็จะมาพบกับห้องที่ 2 ที่เรียกกันว่า "ห้องหีบศพปู่อินทรนาคราช" ห้องนี้จะมีหินใหญ่ ใหญ่มากจริง ๆ จนคล้ายโลงศพ สามารถแตะไปที่โลงเพื่อขอพรขอบารมีจากปู่อินทร์ได้นะคะ ห้องที่ 3 เป็นห้องเจดีย์ หีบศพ แท่นบูชา (ทางไกด์เล่าว่าเป็นหีบศพของเราพญานาคค่ะ) ห้องที่ 4 เป็นห้องของธิดาพญานาคาทั้ง 4 ของปู่อินทร์ ห้องนี้สวยมากจริง ๆ มี 4 ห้องติดกัน อาจจะด้วยการจัดแสงไฟ หรือความลงตัวของห้องก็ไม่เเน่ใจ แต่ผู้เขียนรู้สึกว่าห้องนี้น่าจะนอนสบายที่สุดเเล้ว ห้องที่ 5 ห้องช้าง 3 เศียร ห้องนี้ใครเคยเรียน รด. รับรองสบายค่ะ "คลานต่ำ" แล้วคลานลอดไปเลยค่ะ ไม่มีทางอื่นนะคะ ต้องคลานลอดหินย้อยที่มีลักษณะคล้ายช้าง 3 เศียรอย่างเดียวเท่านั้น (ถ้า นน. เกิน 110 กก. เตรียมใจเดินกลับทางเดิมได้เลยนะคะ) ห้องที่ 6 ห้องคัมภีร์ ห้องนี้เป็นแผ่นดินขนาดใหญ่ วางในลักษณะคล้ายกับสมุดเล่มใหญ่ 1 เล่ม ใครอยากได้ความรู้สรรพวิชา ต้องมาขอพรจากจุดนี้ค่ะ ห้องที่ 7 พระธาตุเจดีย์ ห้องนี้ทางไกด์จะเเนะนำให้เรากราบสักการะ แล้วนำดินกับหินขึ้นมาวางกองไว้ให้สูง ๆ ค่ะ หรือไม่ก็เอามาต่อจากกองอื่น ๆ ก็ได้ ห้ามทำตกนะคะ!! ถ้าทำตกเเสดงว่าพรจะไม่สมหวังเด้อจ้า !! ห้องที่ 8 ห้องโถงทางออก ห้องที่ 9 ห้องปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ในแต่ละห้องจะพบเหรียญเงิน หรือไม่ก็การก่อหิน ก่อดิน วางไว้ค่ะ ตามความเชื่อเพื่อเป็นสิริมงคล และความความสำเร็จค่ะ เมื่อมาถึงทางออกก็ต้องปีนบันไดเหล็กขึ้นมาค่ะ ทางขึ้นไม่น่าหวาดเสียวเท่าไหร่เพราะไม่สูงนัก :) เราใช้เวลาเดินดูภายในถ้ำระยะทางประมาณ 200 เมตร จากปากถ้ำถึงทางออก ก็ใช้เวลาไปประมาณ 30-45 นาทีได้ หากใครอยากไปสัมผัสเมืองบาดาลที่สามารถจับต้องได้บนโลกมนุษย์ ผู้เขียนขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ แต่!! ขอให้รักษากฏอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ โควิดซาเมื่อไหร่ ใครอยากไปเที่ยวปลดปล่อยสมอง ก็อย่าลืมเตรียมตัวพร้อมเสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวง่าย ๆ และสะพายกล้องไปซักตัว เผื่อจะถ่ายติดพญานาคมาฝากกันบ้างก็ได้นะคะ !!! ภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน