ทนายพาเที่ยว: เขื่อนเชี่ยวหลานเมื่อครั้งไปศาลไชยา เรื่อง/ภาพ: ทนายน้อยหน่า การเดินทางไปว่าความที่ศาลในต่างจังหวัดแต่ละครั้งโดยเฉพาะจังหวัดไกลๆเรามักจะไปกันเป็นทีม 2-3 คน และวางแผนเผื่อเที่ยวด้วย เมื่อทราบว่ามีคดีต้องไปศาลจังหวัดไชยา (ไชยาเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนศาลจังหวัดคือเขตอำนาจศาล) พวกเราจึงค้นข้อมูลว่าใกล้ ๆ ศาลจังหวัดไชยามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ซึ่งเราก็พบว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน (ชื่อทางการคือเขื่อนรัชชประภา) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากได้ชื่อว่ากุ้ยหลินเมืองไทย พวกเราจึงเตรียมตัวไปเที่ยวที่นี่ เราเตรียมตัวโดยโทรจองรถยนต์เพื่อเช่าขับเองซึ่งจุดรับ-ส่งรถอยู่ภายในสนามบินสุราษฎร์ธานี ค่าเช่ารถวันละประมาณ 800 - 1,000 บาท ค่าน้ำมันออกเอง ส่วนที่พักมีหลายแพให้เลือกเราเลือกแพสายชลโดยพักที่โรงแรมสายชล 1 คืน ค่าที่พักคืนละประมาณ 1,500 บาทรวมอาหารเช้า เพื่อเตรียมตัวไปขึ้นแพในวันรุ่งขึ้น และพักที่แพสายชล 1 คืน ค่าที่พักคืนละประมาณ 2,500 บาท เป็นราคาแพ็กเกจรวมนำเที่ยวถ้ำ ล่องเรือชมทิวทัศน์ภูเขาต่างๆในบริเวณอุทยาน ค่าอาหาร 3 มื้อคือมื้อกลางวัน มื้อเย็น และมื้อเช้าของวันถัดไป วันเดินทางจริงสายการบินพาเราไปถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีบ่าย 3 โมง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปโรงแรมสายชลประมาณ 1 ชั่วโมงตามประสาขับช้า ๆ ไม่ชินทางโดยให้กูเกิ้ลแมพพาไป ระหว่างทางจากสนามบินมาที่พักวิวสวยมากทั้งภูเขาต้นไม้ เห็นแล้วติดใจ เราเองก็เพิ่งมาสุราษฎร์ธานีครั้งแรก ไปถึงที่พักเป็นโรงแรมชั้นเดียวแต่ตกแต่งบริเวณได้น่ารักดี เช็คอินเรียบร้อยก็ไปหาอาหารเย็นรับประทาน มีร้านใกล้ ๆ ที่พักเป็นร้านอาหารอยู่บริเวณชุมชนตลาดคลองแสง ที่ชุมชนนี้มีจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปคือสะพานแขวนด้านหลังเป็นภูเขารูปหัวใจ แต่เนื่องจากเย็นแล้วแสงน้อยเลยตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นก่อนลงเรือจะแวะมาถ่ายรูปใหม่ วันรุ่งขึ้นรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็แวะไปถ่ายรูปสะพานแขวนก่อน ประมาณ9 โมงจึงขับรถไปเขื่อนรัชชประภาเพื่อไปลงเรือ จากที่พักมาเขื่อนห่างกันประมาณ 5 กิโลเมตร มีพนักงานของโรงแรมขี่มอเตอร์ไซด์นำไปลงเรือเพราะเรือเยอะมากเดี๋ยวหลงจะหาของแพสายชลไม่เจอ นั่งเรือไปประมาณ 30นาทีก็ถึงที่พัก ระหว่างทางตื่นตาตื่นใจกับวิวสองข้างทางมาก ภาพภูเขาตัดกับท้องทะเลเป็นความสวยงามที่ลึกซึ้งเข้าถึงหัวใจทีเดียว ยิ่งวิวที่พักยิ่งตื่นตาตื่นใจ ไปถึงก็มีเวลารับประทานอาหารกลางวันและพักผ่อนประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะมีไกด์พานั่งเรือไปชมถ้ำปะการังกับห้วยถ้ำจันทร์ (แพ็กเกจนี้ได้ชม 2 ถ้ำ) ในถ้ำจะมืดเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา กลับจากเที่ยวถ้ำก็เล่นน้ำพายเรือบริเวณที่พัก รับประทานอาหารเย็นแล้วเข้านอน ที่นี่ไม่มีสัญญาณเน็ต ไฟฟ้าใช้เครื่องปั่นไฟดังนั้นกำลังไฟจะไม่มาก แอร์ไม่มี กลางคืนเลยต้องนอนเร็ว ตอนเช้า6โมงก่อนกินข้าวเช้า มีหมอกลงเป็นฉากบนภูเขาสวยงามมาก หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ล่องเรือไปชมภูเขาตะปูเรียงกัน3ลูก และนั่งเรือกลับเข้าฝั่ง ตลอดระยะทางที่นั่งเรือกลับ กุ้ยหลินเมืองไทยงดงามเกินบรรยาย สวยมากๆราวกับภาพวาดในหนังจีนที่เช้า ๆ จะมีหมอกเป็นฉากหลัง ในใจคิดอย่างเดียวคือแล้วจะกลับมาอีก หลังกลับขึ้นฝั่งก่อนจะเข้าไปเอารถก็แอบเก็บภาพที่ท่าเรืออีกครั้งเป็นความทรงจำดีๆ ก่อนขับรถออกจากเขื่อนรัชชประภาก็แวะดื่มกาแฟที่ร้านของกฟผ.ก่อน กว่าจะตัดใจขับรถกลับออกไปจากที่ทำการเขื่อนได้ก็อ้อยอิ่งแวะเก็บภาพบริเวณรอบ ๆ ที่นี่แต่งสวนได้สวยงามเป็นความประทับใจของผู้มาเยี่ยมชม และแน่นอนว่าต้องแนะนำใครต่อใครเลยว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย สวยประทับใจ ไม่ไปไม่รู้"