สำหรับคนที่กำลังจะสมัครงานหรือกำลังหางานอยู่และต้องการที่จะเตรียมข้อมูลทำ Resume ไว้สำหรับการสมัครงานอยู่นั้นเป็นเอกสารอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะResume เปรียบเสมือนการแนะนำตัวของเราและยังช่วยให้เป็น First Impression ที่ HR หรือบริษัทจะได้รับรู้ข้อมูลของเราผ่านการออกแบบของเราว่าสามารถแสดงให้เห็นว่าเรามีจุดเด่นและความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน แต่จะต้องทำยังไงบ้างนั้นไปดูกันเลย Resume คืออะไร ? การทำ Resume คือการสรุปประวัติส่วนบุคคลของเรา ทั้งประสบการณ์ ทักษะ ความถนัดและความสามารถในการทำงานของเรา เพื่อที่จะใช้นำเสนอให้กับผู้อื่นให้ได้รู้จักเราและได้พิจารณาว่าเรามีคุณสมบัติที่จะเหมาะกับตำแหน่งงานนั้นๆหรือไม่ โดย Resume มักจะทำเป็นรูปแบบเอกสารยาว 1-2 หน้า (แต่โดยทั่วไปเรามักจะทำแค่หน้าเดียวเท่านั้น ) องค์ประกอบที่ควรมีใน Resume ของเรา 1.ชื่อ-นามสกุลส่วนนี้เป็นส่วนที่ควรใส่อยู่แล้วเพราะเป็นการแสดงถึงตัวตนของเรา แต่เราควรตรวจตราการสะกดคำให้ดี เพราะถ้าแค่ชื่อตัวเองสะกดผิดก็จะทำให้ถูกมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีความใส่ใจและดูไม่ตั้งใจ 2.ประวัติการศึกษาหลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นส่วนที่ลังเลว่าจะใส่ดีหรือไม่ แต่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญ แค่เราไม่ต้องใส่รายละเอียดยิบย่อยมากเกินไป แค่ใส่วุฒิการศึกษาสูงสุดของเราแค่ 2 อันดับ เช่น 1) วุฒิปริญญาตรี ก็ใส่แค่ ชื่อสถาบัน คณะสาขาที่เรียนมา 2) ใครที่จะใส่การศึกษาระดับ ม. ปลาย ก็ใส่ได้ไม่ต้องอธิบายเพิ่มแค่ใช้คำสำคัญ เช่น จากโรงเรียนไหนสายศิลป์หรือสายวิทย์แค่นั้น 3.ช่องทางการติดต่อ เราควรเลือกช่องทางที่เราใช้อย่างเป็นทางการและใช้เป็นประจำเช่น เมล,facebook, LINE, IG เป็นต้น เพราะการเพิ่มช่องทางการพิจารณา ที่เปรียบเสมือนด่านแรกสำหรับการ presentation ความเป็นตัวเองให้บริษัทรับรู้ว่าเราเป็นคนแนวไหน 4.ประวัติการทำงานเป็นสิ่งแรกที่ทางบริษัทอยากรู้ว่าเรามีประสบการณ์ใดบ้าง และยังเป็นการประเมินว่าเราสามารถรับมือกับเรื่องใดได้บ้าง จะแสดงถึงศักยภาพทักษะ ในเรื่องต่างๆของเรา ซึ่งเป็นการวัดผลการทำงานและความน่าเชื่อถือของเราด้วย 5.ทักษะ/ความสามารถ ในด้านสกิลความสามารถพิเศษที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ในด้านนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะเพิ่มเติมนอกเหนือจากเรื่องงาน อาจจะเป็นความถนัดหรือความสามารถซึ่งสามารถวัดให้เห็นอีกหลายด้านที่นอกเหนือจากประสบการณ์การทำงานก็จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ เช่นการ เป็นอาสาสมัคร การทำกิจกรรมการกุศลต่างๆ หรือกิจกรรมยามว่างของเรา เป็นต้น 6. MBTI แบบทดสอบบุคลิกภาพเป็นแบบทดสอบประเภทบุคลิกภาพตามทฤษฎีทางจิตวิทยาที่สามารถประเมินได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกิดความเข้าใจในตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบทดสอบว่าเราเป็นคนประเภทไหน ชอบเข้าสังคนหรือไม่ หรือไม่ชอบเข้าสังคม เป็นอินโทรเวิดหรือเป็นเอ็กโทรเวิด โดยในยุคสมันนี้การทำงานเป็นทีมสำคัญซึ่งการแสดงความเป็นตัวตนผ่านแบบทดสอบบุคลิกภาพของเราก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งให้ทางบริษัทได้รับรู้ ตัวอย่าง สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำ Resume 1.ไม่ควรทำเรซูเม่แบบละเอียดเกินไป1เนื้อหาใน resume ของเราจะเป็นแบบภาพรวมก็เป็นส่วนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเหล่า HR ที่จะเลือกอ่านเพราะว่าโดยคร่าวๆแล้วเรา HR จะอ่านผ่านตาประมาณ 7 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเราควรใช้คำที่เป็นกลางๆไม่เป็นทางการจนเกินไป แต่ควรใช้คำที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ต้องดูว่าเนื้อหาแต่ละส่วนตรงกับตำแหน่งที่บริษัทต้องการหรือไม่ 2.การใส่รูปภาพในการใส่รูปภาพนี้จะขึ้นอยู่กับบริบทของบริษัทนั้นๆ แต่ในประเทศไทยยังมีการใช้รูปภาพอยู่แต่ต้องเลือกรูปที่ไม่ใช่รูปชุดครุยหรือชุดนักศึกษา ต้องปรับมาใช้รูปที่ใส่ชุดสุภาพหน้าตรงถ้าเงื่อนไขของบริษัทไม่ต้องใส่ก็ลองปรับตามบริบทหรือบริษัทนั้นๆ หากมีการติดประกาศทางโซเชียลหรือกลุ่มบริษัทต่างๆก็ลองติดต่อสอบถามจะเป็นการดีที่สุด 3.ใส่ข้อมูลส่วนตัวให้พอดี บน resume ของเราก็ยังมีรายละเอียดอีกหลายจุดที่มักจะพลาดกันอยู่บ่อยๆ จำพวกข้อมูล น้ำหนัก ส่วนสูง วันเกิด สถานภาพการสมรส ส่วนใหญ่แล้วข้อมูลส่วนนี้ก็ไม่ได้นับให้เป็นส่วนที่จะนำไปประกอบการตัดสินใจของบริษัทอยู่แล้ว 4.อีเมลที่ใช้สมัครงานโดยปกติแล้วในเมลของเราที่ใช้สมัครต้องไม่มีชื่อหรือคำที่ไม่สุภาพหรือไม่เหมาะสมนำมาตั้งชื่อเมลของเรา เพราะว่าจะสัมพันธ์กับความน่าเชื่อถือในทางที่ดีเราควรจะตั้งชื่อจริงนามสกุลจริงหรืออาจจะขึ้นต้นด้วยนามสกุลและต่อท้ายด้วยชื่อจริงก็ได้ 5.การไม่ใส่เกรดเฉลี่ยในเรซูเม่ ในกรณีที่ได้เกรดน้อยในกรณีนี้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่มีเกรดน้อย เลือกที่จะไม่ใส่ได้ถ้าเรามีเกรดที่ต่ำกว่า 2.75 ลง อีกอย่างหนึ่งคือบางบริษัทได้ไม่ใช้เกรดในการวัดผลแต่กลับมองในเรื่องประสบการณ์และทักษะ ที่เหมาะกับตำแหน่งหน้าที่งานนั้นๆมากกว่า การออกแบบ Resume ให้น่าสนใจสำหรับเว็บไซต์ที่เราเคยทำ เราออกแบบ Resume ฟรีใน Canva ค่ะ เพราะว่าจะมีส่วนที่ไม่เสียเงินแต่เราต้องปรับแก้สีและเพิ่มเติมการตกแต่งไปอีกนิดก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ส่วนแบบตัวหนังสือก็มีแบบฟรีอยู่ 1.การตกแต่งแน่นอนว่าเหล่าHR หรือทางบริษัท คงไม่มีเวลามานั่งดูเรซูเม่ของเราแบบละเอียดได้แน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะดูภาพรวมก่อนว่ามีความน่าสนใจแค่ไหน อันดับแรกเลยก็คือการตกแต่งที่ควรไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งรูปแบบของกรอบข้อความ สีของหน้าปกและสีตัวอักษรต้องเด่นและสามารถอ่านได้ชัดเจน เพื่อนๆสามารถหาตัวแม่สีหรือแม่สีที่เข้ากันได้ในกูเกิ้ลเลย เขาจะจับคู่สีมาให้เราเลือกใช้ได้ ก็สามารถนำมาปรับงานของเราได้ เช่นสีแดง-ดำ แดง-ขาว ส้ม-น้ำตาล ส้ม-เหลือง เป็นต้น 2.การจัดวางข้อความและหัวข้อต่างๆให้น่าสนใจ 2.1 ตัวอักษรที่ใช้ก็ต้องเป็นสไตล์กึ่งทางการดูสมัยใหม่และสบายตา ขนาดหัวเรื่องหรือส่วนสำคัญควรเป็นตัวหนา เช่น ส่วนตัวอักษรของชื่อเราควรเป็นตัวหนาและใหญ่ พอให้เห็นได้ชัด 2.2 การแบ่งสัดส่วนของกล่องข้อความและหัวข้อย่อย เพราะเรซูเม่ที่ดีควรแบ่งสรรแต่ละส่วนให้จัดเจน พออ่านเห็นครั้งแรกก็สะดุดตาเลย เพราะเหล่าHRมักเป็นการอ่านผ่านๆ ตา หรือที่เรียกว่าการ Skimmingนั้นเอง ส่วนคำที่ใช้ในการอธิบายก็ควรเป็นคำที่มีพลัง เข้าใจง่าย สั้นๆ ไม่ยาวจนเกินไปเป็นยังไงกันบ้างคะกับทริคในการทำเรซูเม่ ให้เด่น HR อยากอ่าน อาจจะเป็นทริคเล็กน้อยๆที่จะช่วยให้ใครที่กำลังทำเรซูเม่เพื่อใช้ในการสมัครงาน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการทริคดีๆง่ายๆและตรงประเด็น ให้นำไปปรับใช้กันได้เลยนะคะ เครดิต ปกประกอบ ตกแต่งโดย JJKK89/Canva เครดิต ภาพประกอบ ตกแต่งโดย JJKK89/Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !