ทริปตามใจพ่อทริปนี้ เราตั้งใจจะพาพ่อไปเที่ยวใต้ค่ะ ตั้งใจจะเที่ยวให้ครบทั้งทะเล ภูเขา และขาดไม่ได้ต้องมีวัด ๆ ให้พ่อได้ไหว้พระด้วย และแต่ละวันกำหนดว่าจะต้องถึงที่พักประมาณไม่เกินบ่าย 4 โมงเพื่อให้คนแก่ได้พักผ่อนเอนหลัง และเราจะได้มีเวลาหาอาหารเย็นด้วย เป้าหมายสำหรับคืนแรกก็คือ ปราณบุรี ที่พักเราไม่จองล่วงหน้า อยากวน ๆ ดู ถ้าเจอที่ถูกใจก็จะพัก หรือถ้าไม่อยากพักปราณบุรีก็อาจจะขับเลยไปอีกก็ได้ ปรากฎว่าเราไปถึงปราณบุรีเย็น ๆ และได้ที่พักถูกใจ ราคา 1,150 บาท นอนได้สามคน อยู่ในตัวอำเภอที่เรียกกันว่าปากน้ำปราณ ที่พักไม่ได้ติดทะเลราคาเลยเบากระเป๋าพอสมควร ส่งคนแก่เข้าที่พักเรียบร้อย เราก็ไปล่าอาหารเย็นที่ร้านเจ๊เพ็ญปูเป็น สั่งปูนึ่งกุ้งนึ่ง ที่ร้านจะมีบริการนึ่งพร้อมน้ำจิ้มด้วย ใครที่ไปแถวปากน้ำปราณสั่งได้ค่ะ เบอร์ 093 9201682 จริง ๆ แถวชายทะเลในตัวอำเภอปราณบุรีตอนเย็น ๆ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของ ลูกค้าสามารถนั่งไปนั่งทานได้ แต่คนแก่บ้านเราไม่อยากนั่งร้อน ๆ เราก็เลยต้องย้ายกลับไปกินที่บังกะโลที่พักค่ะ รุ่งเช้าหาของกินง่าย ๆ ในตลาดสดเสร็จแล้วก็พาพ่อกินลมชมวิวเมืองปราณบุรีลัดเลาะไปทางอุทยานแห่งชาติเชาสามร้อยยอด โดยใช้ถนนหมายเลข 4020 เพื่อเดินทางไปจังหวัดชุมพร เผอิญว่าเราไปถึงชุมพรเร็วไปนิด ก็เลยขับต่อไปอีกจนถึงวัดพระธาตุไชยา หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า วัดพระบรมธาตุไชยา คนแก่ถามว่าทำไมมาที่นี่ นางลูกสาวก็เลยเปิดกูเกิ้ลอ่านประวัติให้ฟัง พร้อมนำทัวร์แบบมั่ว ๆ บอกพ่อว่า "ที่นี่หนะ เป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของภาคใต้ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศรีวิชัย และเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าด้วย" คนแก่ดีใจกราบพระทำบุญเรียบร้อย ก็มานั่งรอจะพาไปเที่ยวต่อ ออกจากวัดพระธาตุไชยา เราขับกลับรถเข้าชุมพรเพราะอยากเที่ยวเลียบขึ้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางเราก็หาข้อมูลที่พักแถว ๆ อำเภอหลังสวน ระหว่างขับรถเลียบหาดอำเภอหลังสวนซึ่งเราจะมักได้ยินว่าเป็นอำเภอที่มีพายุดีเปรสชั่นเข้า และน้ำท่วมบ่อย ๆ ภาพในจินตนาการดูจะไม่ค่อยน่าดูน่าชมนัก แต่เมื่อได้สัมผัสความเป็นจริงแล้ว อำเภอหลังสวนเป็นอำเภอที่มีความเป็นธรรมชาติสูง มีความสงบน่าเที่ยว น่าพักผ่อนมาก ๆ เราหาข้อมูลได้ว่าที่หลักสวนมีโฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ เลยสุ่มดูเอาสักเจ้าน่าจะมีว่างสักหลัง ซึ่งไม่ได้ซีเรียสว่าจำเพาะเจาะจงว่าต้องพักเจ้าไหนเป็นพิเศษขอให้ว่างก็พอ ซึ่งส่วนใหญโฮมสเตย์แต่ละแห่งก็จะมีการให้บริการมาตรฐานไม่แตกต่างกันอยู่แล้ว จะมีก็เล็ก ๆ น้อย ๆ ประเภทว่าอยู่ใกล้วิวสวยอะไรพวกนี้ แต่สำหรับเกาะพิทักษ์โฮมสเตย์เจ้าไหนก็น่าจะติดทะเลหมดเพราะเป็นบ้านชาวเลค่ะ พอติดต่อที่พักได้แล้วปลายทางบอกให้เราฝากรถไว้ที่ฝั่ง สักประเดี๋ยวจะมีเรือมารับเราไปส่งที่พัก สำหรับค่าที่พักคนละ 600 บาท รวมอาหารเย็น อาหารเช้า กิจกรรมตกหมึก และเรือรับ-ส่ง เราก็เลือกข้าวของเครื่องใช้โดยเฉพาะหยูกยาสารพัดสมบัติของพ่อซึ่งเยอะกว่าของทุกคน เสร็จแล้วก็ไปนั่งเล่นรอที่ท่าเรือ เมื่อเรือมารับเราแล้วคนเรือชี้ให้เราดูว่าในช่วงฤดูแล้ง จะมีช่วงทะเลแหวกโดยมองเห็นสันทรายจนสามารถเดินผ่านสันทรายมาที่เกาะได้ เรามาถึงที่พักก็เก็บของเข้าห้อง พ่ออาบน้ำเสร็จก็มานั่งตากลมรอกินข้าวเย็น ส่วนพวกเราออกไปตกหมึกกัน วิธีการคือเราจะเอาครื่องมือที่เป็นตะขอรอบตัวแล้วจุ่มลงไปในทะเล เล็ง ๆ เอาว่าถ้าเห็นปลาหมึกว่ายผ่านมาก็กระตุกสายเบ็ดเป็นใช้ได้ วันนี้โชคไม่ดีหรือทำบาปไม่ขึ้นก็ไม่รู้เราได้ปลาหมึกมาตัวนึงสุดแสนจะตื่นเต้น ปลาหมึกที่ยังไม่ตายมันจะตัวใส ๆ เหมือนมะพร้าวอ่อน ๆ แล้วจะค่อย ๆ ขุ่นขึ้นตอนอยู่ในอากาศ เบื่อตกหมึกแล้วก็กลับเข้าที่พักซึ่งก็เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี กับข้าววันนี้เป็นอาหารพื้นถิ่น และตบท้ายด้วยแตงโมหวาน ๆ กินข้าวเสร็จก็พากันนอนตากลมสักพักก็เข้านอน ส่วนบิดาผู้ชราหลังจากจบอาหารเย็นและเสวนาปราศรัยเจ้าของบ้านแล้ว ก็ปลีกวิเวกไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อย่างสำราญ รุ่งเช้าเรากับแฟนเดินลัดเลาะเกาะไปทางทิศตะวันออกเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปสบายใจแล้วก็กลับมาที่พัก จิบกาแฟที่เจ้าของบ้านจัดเตรียมไว้ให้รออาหารเช้า เผอิญทางที่พักเสนอว่ามีนวดแผนไทยบริการถ้าสนใจเรียกมานวดได้ เราก็เลยเรียกหมอนวดมานวดให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย ส่วนราคานั้นจำไม่ได้แน่นอนน่าจะราว ๆ 200-250 บาท/ชั่วโมง เราออกจากเกาะราว ๆ สิบโมงเศษ เราขับรถลัดเลาะมาเรื่อย ๆ ได้แวะวัดพระบรมธาตุสวี เป็นวัดสำคัญเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชุมพร และมีตำนานเล่าว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้เป็นผู้สร้างพระบรมธาตุสวีและใต้ฐานของพระบรมธาตุนั้นได้มีผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้วย ไปถึงวัดครั้งนี้โชคดีได้กราบพระครูจันทปัญโญภาส จันทปัญโญ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุสวี ซึ่งท่านได้เป็นผู้บูรณะวัดแห่งนี้ พระอาจารย์หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นคนใต้แต่กลับพูดอีสานได้ชัดเจน เพราะเคยบรรพชาเป็นสามเณรและมาอยู่ที่อีสานหลายปี ท่านได้เมตตาสนทนาธรรมกับเราด้วยภาษาอีสาน และยังบอกคนแก่ว่ามาครั้งหน้าวัดคงมีโรงครัวให้คนได้มาพักและถือศีลแล้ว ถ้ามีโอกาสก็มาพักที่วัดได้ คนแก่ดีใจยกมือท่วมหัวสาธุ ๆ ถ้าอายุยืนสุขภาพแข็งแรงคงได้มากราบพระอาจารย์อีก ออกจากวัดพระบรมธาตุสวี เราขับรถเรื่อย ๆ จนถึงหาดบ้านกรูด ตกลงใจนอนที่นี่หละคืนนี้ และที่เด็ดสุดคือเราได้กินอาหารอีสานแท้ ๆ ที่ทำโดยคนอีสานบ้านเฮา เรานอนพักที่บ้านกรูดหนึ่งคืน พอรุ่งเช้าก็ค่อย ๆ ขับรถเที่ยวรายทางเพื่อกลับถิ่นอีสานบ้านเฮา เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน