ใครที่เป็นขาประจำงานอาร์ต ยิ่งในยุคเฟื่องฟูของประเทศเนเธอร์แลนด์ ย่อมจะต้องรู้จักสองจิตรกรเอกแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งสองคนเกิดในเวลาห่างกันสองร้อยกว่าปี ผู้ยิ่งใหญ่คนแรกที่มีอิทธิพลทางงานศิลปะของโลกเป็นอย่างมาก คือ เรมแบรนดท์ (Rembrandt van Rijn) ส่วนจิตรกรเอกผู้เกิดที่หลังแต่มีชื่อเสียงดังคับฟ้า คือ แวนโก๊ะ (Vincent van Gogh) หรือจะเรียกให้ถูกจริตชาวดัตช์หรือจริตชาวโลกจะต้องออกเสียงว่า "ฟาน ก๊อก" ในยุคทองของเนเธอร์แลนด์ หรือ Dutch Golden Age ขาใหญ่เจ๋งสุดในยุคนี้ แน่นอนว่าต้องยกให้กับเรมแบรนดท์ จิตรกรเอกผู้มีชื่อเสียงจากการเขียนภาพเหมือน โดยยุคนี้ศิลปินจะเน้นที่การเล่นแสงและเงาในรูปภาพ ภาพจะดูมืดๆ ทองๆ เหมือนมีใครจุดเทียนไว้ในห้อง แล้วมีแสงตกกระทบลงมา ฉากหน้าจะเน้นสีเหลืองทอง ส่วนฉากหลังจะเป็นเงามืด มีความดราม่าเบาๆพอสวยงาม แต่ถ้าคุณได้เข้าไปจ้องมองรูปวาดใกล้ๆแบบเพ่งพินิจพิจารณา จะเห็นได้เลยว่าดีเทลต่างๆเช่น ลายลูกไม้ชายแขนเสื้อ หรือ ลวดลายผ้าม่านมุมห้อง รายละเอียดจะแน่นและครบมาก แค่ศิลปินต้องการเน้นให้เราสนใจจับจ้องแต่ภาพฉากหน้าเท่านั้น ภาพ Aristotle with a Bust of Homer วาดโดยเรมแบรนดท์ ภาพ A man in oriental dress วาดโดยเรมแบรนดท์ พักจากช่วงรู้รอบเรื่องศิลปะ ถึงเวลาที่เราจะพาทุกคนไปเยี่ยมบ้านศิลปิน แน่นอนว่าวันนี้จะไปเยี่ยมบ้านใครไม่ได้ นอกจากบ้านของเรมแบรนดท์ จิตรกรเอกของชาวดัตช์ ในสมัยศตวรรษที่ 17 บ้านของเรมแบรนดท์อยู่ในย่านคนรวยระดับ A-list ของอัมสเตอร์ดัม เป็นละแวกของศิลปินที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บนถนนJodenbreestraat ซึ่งเป็นถนนที่ติดกับคลองในย่านเมืองเก่า บ้านหลังนี้สร้างในปีที่เขาเกิด คือปี1603 สองสามปีก่อนที่เขาจะซื้อบ้านและย้ายเข้ามาอยู่ สถาปนิกชาวดัตช์ Jacob van Campen ผู้ซึ่งเป็นคนเขียนผังของพระราชวังหลวงที่ Dam Square (จตุรัสกลางเมือง) เป็นผู้ที่มารีโนเวทบ้านหลังนี้ของเรมแบรนดท์ ผู้ซึ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพศิลปิน เรมแบรนดท์ซื้อบ้านหลังนี้เมื่อเขามีฐานะทางการเงินอยู่ในขั้นร่ำรวย ไม่เพียงแต่เป็นจิตรกรใหญ่ที่มีชื่อเสียง เรมแบรนดท์ยังเป็นนักสะสมงานศิลปะ ครูสอนวาดภาพ และพ่อค้า ดังจะเห็นได้จากห้องโถงรับแขก ซึ่งจะเรียงรายไปด้วยรูปวาด ในระหว่างที่บรรดาแขกของเขารอให้เขาลงมาพบ จะได้มีเวลาละเลียดดูรูปเพลินๆ ซึ่งบางครั้งแขกเหล่านี้ก็จะขอซื้อรูปวาดติดมือกลับบ้านไปด้วย เดินเรื่อยมาจนถึงห้องนอน เตียงนอนของชาวยุโรปในยุคนี้มักจะออกแบบมาให้คล้ายกับกล่อง แล้วให้เราเอาตัวเข้าไปนอนเสร็จแล้วปิดฝาหรือผ้าม่าน เพื่อความอบอุ่นในเวลากลางคืน ถ้าคุณอยากรู้ว่าเจ้าของบ้านมีฐานะดีขนาดไหน สามารถดูได้จากลวดลายแกะสลักไม้ที่เตียงนอน ถ้าเป็นห้องของสาวใช้มักจะออกแบบเป็นกล่องธรรมดาเล็กๆ ปิดฝาและอยู่ในครัวเพื่อความสะดวก ชั้นบนของบ้านเป็นห้องทำงานของเรมแบรนดท์ ซึ่งเป็นสตูดิโอวาดรูป และเป็นที่สำหรับให้นักเรียนของเขามาฝึกปรือฝีมือวาดรูป ภายในห้องมีของแปลกๆจากทั่วทุกมุมโลกมาเป็นแรงบันดาลใจ คุณอาจจะสังเกตเห็นซากจระเข้ที่ห้อยมาจากบนเพดาน ฟอสซิลหอยแอมโมไนต์ หรือหุ่นปูนปั้นครึ่งตัวของคนดังจากยุคโบราณ เรื่องแปลกคือ เรมแบรนดท์ไม่เคยเดินทางออกจากเนเธอร์แลนด์เลยแม้แต่สักครั้งเดียวในขีวิต เรมแบรนดท์และศิลปินร่วมยุคมักจะใช้สีที่มีอยู่ในธรรมชาติ ศิลปินจะคิดผสมสีขึ้นมาใช้เองจากยางไม้ หรือหินที่มีสีต่างๆ ถึงแม้ว่าจะมีการประดิษฐ์สีน้ำมันขึ้นมาใช้งานแล้วตั้งแต่ศตวรรษที่13ก็ตาม จากมุมนี้จะเห็นแท่นพิมพ์ที่เขาใช้เป็นประจำตั้งอยู่ในห้องที่เขาเอาไว้สอนนักเรียนวาดรูปของเขาด้วย นอกจากจะเป็นจิตรกรวาดภาพที่มีชื่อเสียงแห่งยุคแล้ว เรมแบรนดท์ยังผลิตภาพพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ขีวิตในบั้นปลายของเรมแบรนดท์ค่อนข้างเศร้า เนื่องจากบ้านของเขามีราคาแพงมาก ทั้งเขายังเป็นคนสุรุ่ยสุร่ายใช้เงินเก่ง สุดท้ายเขาต้องขายสมบัติที่มีอยู่ รวมไปถึงบ้านหลังนี้ เพื่อย้ายไปอยู่บ้านหลังที่เล็กกว่า หลังจากภรรยาและลูกๆเสียชีวิตไป เขาต้องวาดรูปขายเพื่อเลี้ยงชีวิต เรมแบรนดท์ปิดฉากชีวิตของศิลปินใหญ่เฉกเช่นคนจนผู้สิ้นไร้ ในวัย 63 ปี ถ้าคุณมีโอกาสแวะไปเยี่ยมบ้านเรมแบรนดท์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว ขอแนะนำให้ไปเข้าคอร์สเรียนวาดรูป ซึ่งมีไม่กี่ที่ในโลก ที่จะยอมเปิดบ้านศิลปินให้ผู้เยี่ยมชมได้ย้อนอดีตและฝึกวาดรูปตามรอยของเจ้าของบ้าน หวังว่าเจ้าของบ้านคงจะมีความสุขเมื่อรู้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปี ผลงานของเขาจะยังอยู่ในใจของคนที่รักและชื่นชมศิลปะ.. ตลอดไป เครดิตภาพโดยผู้เขียน และจากเว็บไซต์ flickr.com wikipedia.org/wiki/File:Vincent_van_Gogh wikipedia.org/wiki/Ficheiro:Rembrandshuis wikimedia.org/wiki/File:Rembrandt wikimedia.org/wiki/File:Rembrandt ข้อมูลอ้างอิง rembrandthuis.nl willkempartschool.com britannica.com