จังหวัดพัทลุงเป็นจังหวัดที่คิดว่าใครหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยนึกอยากไปเที่ยวที่นี่สักเท่าไหร่ ก็แหม เพราะภาคใต้เนี่ย...มีที่เที่ยวเยอะเหลือเกิน แต่เราขอมาแอบบอกสายชิลล์ทุกท่าน ถ้าคิดว่าอยากลองเที่ยวแบบสงบๆ ที่ "ทะเลน้อย" ในจังหวัดพัทลุงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เลิศมากค่าาา ก่อนอื่นเลยต้องเล่าว่าพัทลุงเป็นจังหวัดที่ผ่านเพราะเราจะไปสงขลา แต่เนื่องด้วยขับมาหลายร้อยกิโลฯ แล้วและเหน็ดเหนื่อยมาก จึงคิดว่าจะพักที่นี่สักหน่อย ขับไม่ไหวแล้วค่า --- พอตัดสินใจดังนั้นก็มีชื่อนึงผุดขึ้นมาในใจ คือ… "ทะเลน้อย" ก่อนหน้านี้เราเคยเสิร์ชอินเตอร์เน็ตผ่านตามาว่าเป็นดินแดนที่มีน้ำจืดกับน้ำเค็มอยู่รวมกัน หรือที่เรียกว่าน้ำกร่อยนั่นเอง หลังจากค้นหาที่พักมาได้จำนวนหนึ่งเราก็จิ้มเลือกมาได้ห้องนึงในย่านนั้น ซึ่งอยากบอกทุกคนมากว่าถ้าจะมาที่นี่ในวันศุกร์/เสาร์/อาทิตย์ อย่าได้ลอกเลียนแบบเราด้วยการไม่จองแบบนี้เลยนะคะ ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าที่พักย่านนี้เต็มตลอดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ ส่วนเรานั้นโชคดีไปวันพฤหัสบดีก็เลยยังพอ walk-in ไปหาที่พักได้อยู่ แต่ก็หาอยู่สองสามแห่งนะกว่าจะได้ที่พัก หลังจากจบเรื่องที่พักเรียบร้อยเราก็สอบถามถึงบริการนั่งเรือตอนเช้าที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของทริปนี้มากๆ บริการเรือรอบเล็ก 600 บาท/ลำ บริการเรือรอบใหญ่ 1,200 บาท/ลำ หลังจากสอบถามได้ความว่ารอบเล็กจะใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมง และจะพาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น บึงบัว เป็นต้น เราก็ตัดสินใจไปล่องเรือรอบใหญ่ดีกว่า เพราะมาถึงทั้งทีแล้ว หารกัน 2 คน คนละครึ่ง ราคายังไม่แพงมาก ถือว่าได้อยู่ ซึ่งสถานที่ที่พาไปจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเยอะเลย และจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง (แต่ความจริงแล้วลุงคนขับเรือพาเราไปนานกว่านั้นมาก ราว 2 ชั่วโมงกว่า ฮ่าๆๆ คุ้มมาก) พอสรุปได้แบบนั้นก็นัดแนะเวลาที่ทำให้เราร้องอู้หูอยู่เหมือนกัน เพราะเรือจะมาตอน 5.45 น.จ้า ใช่แล้วจ้า... ยังไม่หกโมง เพราะว่าต้องดูพระอาทิตย์ขึ้นไงแก ต้องตื่นเช้าๆ สิ จะตื่นหลังพระอาทิตย์ได้ไง! จะบอกว่ารูปของวันแรก ไม่ได้ถ่ายเลย เพราะขับรถไปก็คือหมดแรง หลังจากดีลห้องพักกับเรือตอนเช้า เราก็ระหกระเหินไปทานข้าวแถวนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีภาพถ่ายมายืนยันบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกในร้านอาหารที่เราไปก็คือดีมากๆ จนอยากให้ทุกคนได้เห็น แต่ว่าหิวมากจนไม่ได้ถ่ายอะไรเลย เงยหน้ามาอีกทีก็ฟ้ามืดหมดแล้ว T T เราจึงกลับที่พัก อาบน้ำเข้านอนอย่างว่องไว -------------- ตัดภาพมาที่ 5.45 น. วันถัดมาจ้า เราก็รีบมารอที่ท่าน้ำเพื่อลงเรือ อากาศดีต่อใจ และลมพัดเย็นสบายต่อกาย เราเตรียมตัวมาดีด้วยการสวมเสื้อกันหนาวแขนยาวพร้อม แต่ดันลืมเอาเมมกล้องมาจากห้อง แบกมาแต่กล้อง จบจ้า เลยจะมีแต่ภาพจากมือถือกากๆ ของอิชั้นแทนนะเจ้าคะ อยากจิบอกว่ามันเช้ามาก ก็คือไม่บ่อยนักที่เราจะตื่นมานั่งรอดูเธอนะคุณพระอาทิตย์ สิ่งก่อสร้างที่อยู่กลางน้ำที่ทุกท่านให้ในภาพคือสิ่งที่เรียกว่า ยอ นะคะ คือประมงแบบพื้นบ้านค่ะ ซึ่งจะเห็นได้รอบๆ ทะเลน้อยเลย ขอโปรยภาพเลยแล้วกันค่ะ บนเรือไม้ท่ามกลางผืนน้ำอันเวิ้งว้างให้บรรยากาศสงบเงียบแบบที่ต่างออกไปจากชีวิตอันเร่งรีบของคนเมืองกรุงแบบอิชั้น แสงอาทิตย์ที่สาดกระทบเป็นสีทองเรืองรอง ที่ขนาดใช้แค่กล้องมือถือยังสวยขนาดนี้ เราอยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ลองไปสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักครั้งดูนะคะ และต่อด้วยบึงบัว ซึ่งให้อามณ์เหมือนอิชั้นมาเก็บสายบัวยามเช้าเพื่อจะไปตั้งสำรับให้เจ้าคุณพี่ได้รับทาน อิอิ มโนเก่งมาก เพราะจริงๆ เจ้าคุณพี่ก็อยู่บนเรือ นั่งซึมซับภาพดอกบัวและสายน้ำอยู่ข้างๆ กันนี่แหละค่ะ ภาพน้อยหน่อยนะคะ แต่จะบอกว่าเรานั่งเรือนานมากๆ ค่ะ คุ้มกับราคามาก แล้วถ้าทุกท่านพาครอบครัวหรือเพื่อนไป 4-5 ท่าน ก็ราคาตามที่บอกข้างบนเลยค่ะ คิดเป็นลำ ไม่ได้คิดต่อหัวค่ะทุกคน นอกจากนี้ ถ้าเราไม่พลาดลืมเมมกล้องก็คือมีนกให้ถ่ายเยอะมากค่ะ สำหรับคนที่อยู่แต่ในเมืองอย่างเรา มันตื่นเต้นมากเลยนะคะ เพราะเราแทบไม่เคยอยู่ใกล้นก และเห็นชีวิตเค้าในระยะประชิดขนาดนี้มาก่อน ยังไม่พอค่ะ เรายังได้เจอน้องควายเดินลุยน้ำด้วย เพราะว่าที่ทะเลน้อยเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่มีการทำนาน้ำกร่อย เราถ่ายรูปน้องควายเป็นมาแบบวิดีโอ เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้เอากล้องไป T T คุณลุงคนขับเรือพาเราล่องไปไหนไม่รู้บ้าง แต่นานมากๆ ค่ะ กลับมาถึงที่พักอีกทีก็ 8 โมงกว่าแล้ว เราเดินไปกินข้าวเช้าที่ที่พักจัดไว้ให้แบบอิ่มอกอิ่มใจ บรรยากาศดีมากกก และอากาศก็ดีมากกก เหมาะแก่การหนี PM 2.5 ไปสูดให้เต็มปอดมากๆ ค่ะ