หากต้องพูดถึงทะเลหมอกหลายๆคนก็คงคิดอยากจะไปเที่ยวไกลถึงภาคเหนือ เพราะมีอากาศที่หนาวเย็น มีหมอกปกคลุมรวมไปถึงบรรยากาศที่ทุกคนอยากสัมผัสและพักผ่อนกับครอบครัวหรือคนรัก แต่วันนี้อยากจะมาแนะนำทะเลหมอกลับๆในภาคใต้ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน คือทะเลหมอกเขาไข่นุ้ย จังหวัดพังงา ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวถึงกับต้องกลับมารอบสองแน่นอน ทะเลหมอกเขาไข่นุ้ยพิเศษยังไงตามมาอ่านกันเลยจ้า ต้องบอกทุกคนก่อนเลยว่าภาคใต้ไม่ได้มีดีแค่ ทะเล ภูเขา น้ำตก แต่ยังมีทะเลหมอกที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าวให้กับความสวยงามและธรรมชาติที่เกิดขึ้นในภาคใต้ จังหวัดพังงา ที่สามารถมัดใจนักท่องเที่ยวที่เป็นสายธรรมชาติสายตะลุยแบบชิวๆที่ต้องแบกเป้ขึ้นเขาไปชมธรรมชาติของทะเลหมอกลับๆบนเขาไข่นุ้ย มีใครเป็นสายชิวสายลุยแล้วกำลังมองหาที่เที่ยวอยู่บ้าง? เหมือนกับคู่ของเราสองคนที่ชอบการได้เที่ยวได้เดินทางเพื่อการได้ผจญภัยกับความท้าทายในชีวิต ใจจริงอยากเดินทางไปเที่ยวทะเลหมอกทางภาคเหนือแต่เนื่องด้วยตัวเองเป็นเด็กใต้และมีงบประมาณที่จำกัด เลยต้องวางแผนการเที่ยวใหม่ด้วยการมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในภาคใต้ เลยค้นหาที่เที่ยวในอินเตอร์เน็ต จึงได้ไปพบกับทะเลหมอกเขาไข่นุ้ย ที่ตั้งบ้านฝอยท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เรากับแฟนไม่ลังเลที่จะตัดสินก็เลยออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ การเที่ยวของเราในครั้งนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้างแต่ก็มีความสุขที่ได้ไปค้นหาประสบการณ์และความท้าทายด้วยกัน ครั้งนี้เราไปเที่ยวกันแบบไม่มีข้อมูลและความรู้มากพอ แต่อาศัยการอ่านรีวิวในเพจจากคนที่เคยไปเที่ยวมาแล้วก็ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดี ตอนแรกแผนของเราคือการขับรถขึ้นไปเองด้วยการเปิดGPSเพื่อนำทาง แต่ดูท่าทีจะไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนแผน ทำให้เราต้องตัดสินใจโทรไปสอบถามตามเบอร์ติดต่อที่รีวิวไว้ในเพจ ปลายสายเป็นเจ้าของโฮมสเตย์บังไข่ เขาไข่นุ้ย ก็ได้พูดคุยกันและสอบถามถึงราคาห้องและค่าใช้จ่ายต่างๆ เริ่มแรกของการเดินทางขึ้นไปบนเขา เราไม่สามารถเดินไปกันเองได้เพราะเป็นทางสูงลาดชัน ทางเจ้าของที่พักจะให้เราจอดรถไว้ที่บ้านของเขาและจะรักษาความปลอดภัยให้ เราเดินทางไปถึงยังไม่ได้ขึ้นบนเขาก็เกิดความประทับใจแล้ว เพราะได้รับการต้อนรับที่ดีมากๆ ก่อนจะเดินทางก็มีการตกลงค่าใช้จ่ายกันก่อน ค่าเดินทางรถ1คัน สำหรับพาขึ้นเขา คันละ800บาท สามารถนั่งได้5คน สำหรับคนที่ไปกับเพื่อนก็ช่วยหารกันถือว่าคุ้ม บนเขาไข่นุ้ยมีที่พักแบบโฮมสเตย์ของชุมชนที่รวมตัวกัน ค่าที่พักราคาห้องละ 950มีห้องน้ำในตัว ถ้านอนเต้นท์ราคาหลังละ600แต่เป็นห้องน้ำรวม เราเลือกนอนเป็นห้องเพราะเป็นส่วนตัวมากกว่า ค่าอาหารหัวละ250บาท มีอาหารเช้า1มื้อ และอาหารทะเลตอนค่ำ1มื้อ อัตราค่าบริการสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้นะ แต่เจ้าของแอบกระซิบว่าช่วงที่เราไปราคาลดอยู่เพราะช่วงโควิด19 ก็ถือว่าโชคดีไป แอบบอกหน่อยนะคะ ข้างบนไม่มีของขายเราเลยซื้อขนมไปตุนเยอะมากเพราะกลัวหิวกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เสียงสตาร์ทรถดังขึ้น ช่วยกันขนของขึ้นรถ ผู้นำทางของเราในวันนี้ คือบังไข่เจ้าของโฮมสเตย์บังไข่ นอกจากจะได้คำแนะนำที่ดีแล้วบังไข่เป็นคนอารมณ์ดีมาก เรากับแฟนนั่งหัวเราะกันตลอดทาง มาถึงครึ่งทางเริ่มเป็นทางลูกรังใจคอไม่ดีหันไปมองหน้ากับแฟน ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงไม่สามารถพารถขึ้นมาเองได้ต้องเป็นผู้ชำนาญทางมากถึงขึ้นมาบนเขาได้ ถนนสูงลาดชันถ้าฝนตกคือลื่นน่าหวาดเสียวมาก แต่ด้วยประสบการณ์ที่มีมานานในการขับรถของบังไข่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายๆและธรรมดาไปแล้ว แฟนเราได้เอ่ยปากถามบังไข่ขณะขับรถอยู่ว่าทำไมต้องเป็นเขาไข่นุ้ย ซึ่งคำตอบที่ได้น่าประทับใจมาก "ชื่อภูเขาตั้งตามคนค้นพบ คือบังไข่กับบังนุ้ย แต่ก่อนเขาลูกนี้ไม่มีชื่อเรียก บังไข่กับบังนุ้ยอยู่ในพื้นที่ที่ทำสวนยางพาราและได้เห็นถึงธรรมชาติและหมอกที่สวยงามของที่นี่อยู่ทุกวัน จากนั้นไม่นานมานี้ก็ได้มี นักศึกษาจากลาดกระบังมาศึกษาธรรมชาติและทำกิจกรรมอยู่ในชุมชน บังไข่และบังนุ้ยได้มีโอกาสนำนักศึกษาขึ้นมาชมทะเลหมอกบนยอดเขา จากนันกลุ่มนักศึกษาจึงตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า "ภูไข่นุ้ย" ซึ่งบังไข่และบังนุ้ยได้มองเห็นถึงแนวทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของภาคใต้ที่ไม่เคยมีทะเลหมอกมาก่อน จึงเปิดเขาลูกนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เขาไขนุ่ย" จนถึงทุกวันนี้" การเดินทางประมาณ15นาที ก็ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย เราและแฟนลงรถด้วยความตื่นเต้น และถึงกับต้องร้องว้าวให้กับความสวยงามบนภูเขาลูกนี้ ช่วยกันขนของลงจากรถเพื่อไปพักผ่อนที่ห้อง แต่ต้องแอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะข้างบนเขาไข่นุ้ยมีไฟฟ้าจากการปั่นไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์จึงไม่ได้มีให้ใช้ตลอด จะเปิดใช้งานได้แค่ช่วง 6โมงเช้าถึง6โมงเย็น และมีน้ำใช้อย่างจำกัด แต่อากาศดีก็ถือว่าให้อภัย เรากับแฟนก็เดินถ่ายรูปตามจุดต่างๆและรอทานข้าวเย็นกัน ไม่นานมากนักก็มีข้าวเย็นมาเสิร์ฟ กับข้าวมื้อนี้พิเศษสำหรับเราสองคนมากเป็นอาหารทะเลรสชาติปักษ์ใต้จัดจ้านถึงใจ ทานข้าวเสร็จไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายฝนตกลงมาอย่างหนัก คืนนั้นจึงไม่ได้ไปเก็บภาพตอนกลางคืนแต่บอกเลยฝนตกอากาศดีมาก อากาศหนาวมาก 21องศา หนาวเหมือนอยู่ทางภาคเหนือ ด้วยความสงบมีแค่เสียงร้องของจิ้งหรีดและกบที่ร้องดังทั้งคืนสัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติได้อย่างจริงๆ เรากับแฟนเตรียมตัวเข้านอนเพื่อตื่นมาดูทะเลหมอกและชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าของพรุ่งนี้ และได้แต่นอนภาวนาให้ตื่นเช้ามาฝนไม่ตกเพราะเราจะได้มีโอกาสเก็บภาพ คืนนี้เราคงนอนหลับฝันดีเพื่อตื่นมาเจอภาพที่เรารอคอย อรุณสวัสดิ์ตอนเช้า เสียงจากนาฬิกาปลุกในเวลา 5.30 น.ในตอนนั้นอยากนอนต่อมากเพราะอากาศดีเหลือเกิน แต่ก็ต้องไม่พลาดที่จะตื่นมาชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เช้านี้ถือเป็นข่าวดีที่ฝนไม่ตกคำภาวนาจากเมื่อคืนคงเป็นผล เรากับแฟนตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปถ่ายรูปและทานอาหารเช้าด้วยกัน เปิดประตูห้องออกมา ถึงกับต้องอึ้งเลยเพราะนี้คือทะเลหมอกภาคใต้ที่เรากับแฟนตามหามานาน สูดอากาศให้เต็มปอดก่อนที่จะต้องลงจากเขามาเจอความกับวุ่นวาย เช้าวันนี้ไม่ผิดหวังเลย เรากับแฟนได้ยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมๆกัน มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ที่นี้เป็นทะเลหมอกที่มองเห็นได้ในมุมกว้างๆ เป็นทะเลหมอกอันดามันที่สวยงาม เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ต้นไม้นานาชนิตที่เขียวขจี ทิวเขาที่ตั้งโด่งสวยงาม สัตว์ต่างๆที่อาศัยตามธรรมชาติที่หาดูได้ยาก และที่สำคัญหมอกในตอนเช้าที่เหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ภาคเหนือ และยิ่งไปกว่านั้นคงไม่มีอะไรฟินไปมากกว่าการได้จิบกาแฟในตอนเช้าพร้อมกับการนั่งดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันกับแฟน ทริปเที่ยวเรากับแฟนในครั้งนี้ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ แม้จะเจอกับอุปสรรค์บ้างเล็กน้อยแต่ถือว่าเป็นความท้าทายในชีวิตคู่ หลังจากถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศเสร็จแล้วเรากับแฟนก็เข้าไปเก็บของเพื่อเดินทางกลับกัน ทีนี้แหละความหวาดเสียวไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ตอนขึ้นมาว่าน่ากลัวแล้วตอนลงนี้ยิ่งกว่า เราช่วยกันขนของขึ้นรถเพื่อลงจากเขา ตอนลงถนนลื่นเล็กน้อยแฟนจับมือเราแน่นมาก ตอนนั้นใจเต้นแรงมากเพราะกลัวแต่ก็ชอบดีสนุกท้าทายและไว้วางใจบังไข่และขอยอมรับในฝีมือการขับรถจริงๆ ตอนลงใช้เวลาเร็วกว่าตอนขึ้น พอเห็นถนนลาดยางคือใจชื้นขึ้นมามากรู้สึกโล่งที่เราปลอดภัย เราเดินทางมาถึงบ้านบังไข่เพื่อขนของลงจากรถและจะเดินทางกลับเพื่อแวะเที่ยวกลางทางกันต่อ เรากับแฟนได้ยกมือไหว้บังไข่ด้วยความประทับใจกับทริปเที่ยวในครั้งนี้ เป็นระยะเวลาที่สั้นแต่โครตจะมีความสุขและสนุกกับการได้ขึ้นไปบนเขาไข่นุ้ยในครั้งนี้ด้วย เราทั้งสองออกจากบ้านบังไข่ด้วยรอยยิ้มและความทรงจำของเราสองคน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรานะคะ ถ้าคุณเข้ามาอ่านนั่นคือคุณได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำพร้อมๆกับเราแล้วด้วย แล้วถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เราอยากให้ทะเลหมอกเขาไข่นุ้ยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคุณ ไว้มาเที่ยวปักษ์ใต้บ้านเรา มาชิมอาหารรสชาติจัดจ้าน ที่คุณต้องบอกว่า “หรอยอย่างแรง” แล้วคุณอยากจะกลับมาเที่ยวรอบสองอย่างแน่นอน เหมือนกับเราสองคน ให้ธรรมชาติบำบัดกาย ให้ความรักบำบัดหัวใจ ทริปกับคนรู้ใจ ไปเที่ยวไหนก็สนุก แค่มีเธอไปด้วยทุกที่คือความทรงจำที่ดีเสมอ ภาพโดย กรวิชญ์ เชาว์ปัญญา Facebook โฮมสเตย์บังไข่ เขาไข่นุ้ย