การขายถ้าอยากขายให้สำเร็จต้องเริ่มจากวิธีคิด หลายคนมักจะคิดว่าลูกค้า คือ พระเจ้า พอคิดแบบนี้ เราก็จะมีวิธีการพูด วิธีการนำเสนอ และวิธีการวางตัวที่ต่ำกว่าลูกค้า และการมองเขาด้วยสายตาตื้อ หรือขอร้องให้ช่วยซื้อสินค้าให้หน่อย มันน่าอึดอัดมากเลยถ้าเราไม่ได้เต็มใจซื้อลองสังเกตคนขายสินค้าที่สำเร็จดัง ๆ และมีชื่อเสียงอย่าง สตีฟ จ็อบส์ สิ เราสามารถเอาวิธีคิดของเขามาทำตามได้นะ อย่างเวลาสตีฟจ๊อบขายไอเดีย และขายสินค้าในบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Apple, macbook, iphone, ipod เขาไม่เห็นต้องไปตื้อให้ใครไปซื้อเลย แต่คุณสามารถเรียกตัวเองว่าสาวกได้ กลายเป็นความรักความผูกพันและความศรัทธาที่มีต่อแบรนด์ไปเรียบร้อยกลายเป็นคนที่เป็นพระเจ้ากลับไม่ใช่ลูกค้า แต่กลับเป็นฝั่งผู้ขายอย่าง สตีฟ จ็อบส์ แทน... ดูอย่างวันแรกที่มีการเปิดตัวขายสินค้าสิ คนแย่งกันซื้อแย่งกันจองจนสินค้าหมดสต๊อกไปแล้ว บางคนก็เปิดจองตั้งแต่สินค้ายังไม่ออกตัวเลยด้วยซ้ำ พอออกตัวแล้วก็ยอมไปต่อคิวยาวเหยียด รอซื้อตั้งแต่เช้าตรู่หากคุณอยากขายให้ได้แบบเขา มีคนซื้อมีคนสนใจและสำเร็จแบบเขา เราต้องอาศัยทักษะในการพูด และทักษะในการขาย ซึ่งสิ่ง ๆ นี้ต้องใช้ประสบการณ์ ใช้การฝึกฝน และต้องอาศัยเวลา ไม่ใช่จะไปตื้อให้เขาซื้อก็ซื้อเลย แต่ต้องถามก่อนว่าเราขายอะไรและต้องตั้งคำถามว่า ทำไมเขาต้องซื้อของ ๆ เรา ซื้อไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรในชีวิตของเขา จากนั้นเราก็ต้องโน้มน้าวใจคน ซึ่งคุณต้องเข้าใจศิลปะของการโน้มน้าวใจคนก่อน คนปกติชอบติดกับดักชอบพูดถึงคุณภาพของสินค้าบ่อยเกินไป เช่น หมอนใบนี้ผลิตจากญี่ปุ่น ทำจากขนสัตว์หายากที่เนื้อผ้านุ่มมาก ๆ ของดีขนาดนี้มาจากต่างประเทศเลยนะ ซึ่งการโปรโมทคุณภาพสินค้าที่มากเกินไป ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะขายได้เสมอไปแต่สิ่งที่เราต้องทำจริง ๆ ไม่ใช่การมองตัวสินค้า แต่ต้องมองความต้องการของผู้คน ยกตัวอย่างเช่น... ทำไมเขาจะต้องซื้อสินค้าของคุณอย่างซื้อหมอน เขาต้องนอนหลับ เขาต้องสบาย เหมือนเวลาไปห้าง แล้วถ้าสมมติเราขายนาฬิกาข้อมือ ไม่มีใครสนใจหรอกค่ะว่านาฬิกาข้อมือนี้ทำมาจากอะไร มีสรรพคุณอะไร บางคนที่ไม่สนใจนาฬิกา ก็อาจจะมองว่ามันก็แค่มองเวลา แต่ถ้าเรานำเสนอเรื่องบุคลิกภาพของคนที่ใส่นาฬิกาล่ะเราใส่ไปสัมมนา ถ้าเราเลือกชุดสีดำที่เข้ากับนาฬิกาเรือนนี้ มันก็จะเข้ากันมาก ยิ่งกับงานที่เป็นทางการ มันก็จะยิ่งขับบุคลิกภาพของเราให้ดูเป็นคนที่จริงจัง น่าเชื่อถือในสายตาคนอื่น และพอเป็นคนจริงจังน่าเชื่อถือ เราก็สามารถเรียกความเชื่อใจจากลูกค้า หรือคนที่เข้ามาฟังเราได้บางคนยอมซื้อตุ๊กตาสองแสนถึงหลักล้าน เพียงเพราะอยากให้เขามองเห็นความน่าเชื่อถือในตัวเรา เพราะเราไม่สามารถยกรถ หรือบ้านมาอวดใครได้ว่าคุณภาพชีวิตในความสำเร็จของเรามีปริมาณเท่าไร นาฬิกาที่เราใส่จึงเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งที่คุณเรียกความน่าเชื่อถือ จากผู้คนรอบ ๆ ตัวได้หากเราโน้มน้าวใจเป็น และฝึกทักษะการพูดบ่อย ๆ เราสามารถดึงดูดเงินได้เป็นหลักล้านเลยนะคะ อย่าได้กลัวการปฏิเสธ หรือการเสียหน้าค่ะ ลองดูนะคะ เพราะทักษะการพูดและการโน้มน้าวใจ เป็นทักษะที่ใคร ๆ ก็ฝึกได้ค่ะไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไรส่วนตัวผู้เขียนเป็นคนพูดไม่เก่งค่ะ แต่บางครั้งเวลาที่ต้องจับสินค้าออนไลน์ ก็ต้องหัดโน้มน้าวใจคนให้เป็นค่ะขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1 โดย nastya_gepp / 2 / 3 โดย PIRO4D