เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิจัยประกาศว่าตรวจพบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่และองค์การอนามัยโลกตั้งชื่อสายพันธุ์นี้ว่า “โอไมครอน” ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ หลายๆประเทศสั่งประกาศปิดมิให้มีเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่นักวิจัยก็พยายามหาคำตอบเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้ แต่อย่างไรก็ตามก็มีปัจจัยหลักคือ “เวลา” ที่ต้องใช้ในการศึกษาพอสมควร ดังนั้นการกักตัวหรือการสั่งห้ามเที่ยวบินอาจเป็นตัวช่วยส่วนหนึ่งที่ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์นี้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการสั่งห้ามแต่ดูเหมือนว่าก็ไม่สามารถยับยั้งโอไมครอนได้ เพราะนักวิจัยได้พบทักษะพิเศษของสายพันธุ์นี้คือ สามารถระบาดและทำให้คนติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา แม้ว่าในเบื้องต้นพบว่าความรุนแรงของโอไมครอนจะน้อยกว่าเดลตาก็ตาม แต่อาการลักษณะอื่นๆอีกหลายประการของการติดเชื้อโอไมครอนกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา และพบรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วจากการติดเชื้อไวรัสโอไมครอน การระบาดอย่างรวดเร็วของโคโรนาไวรัส ส่งผลอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือจะทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการระบาดอย่างรวดเร็วจะทำให้บางประเทศที่มีบุคลาการทางการแพทย์และทรัพยากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทัน ดังนั้นรัฐบาลหลายประเทศจึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะการปล่อยให้มีการระบาดอย่างรวดเร็วนั่นหมายถึง อัตราการเสียชีวิตที่อาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย และอีกนัยหนึ่งถ้าการระบาดเกิดขึ้นช้า ทรัพยากรทางการแพทย์อาจเข้าถึงผู้ป่วยได้มากกว่าการระบาดอย่างรวดเร็ว อัตราการเสียชีวิตจึงอาจน้อยลง ดังนั้น สายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน จึงเป็นที่น่ากังวลว่าถ้าเกิดการปล่อยให้ระบาดในประเทศไทยจะส่งผลให้อัตราเสียชีวิตเพิ่มขึ้นหรือไม่ ? เนื่องจากทรัพยการและบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังมีจำนวนไม่มากพอต่อคนไข้อีกทั้งทำงานหนักมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ดังนั้น การล้างมือ เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเราเดินทางออกไปในที่สาธารณะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยลดการระบาดของไวรัสชนิดนี้ อย่างไรก็ตามก็มีการตั้งคำถามว่า การติดเชื้อของคนจำนวนมากอย่างรวดเร็วจะส่งผลให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่หรือไม่ ? คำตอบคือ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ถ้าผู้คนติดเชื้อโควิดและรักษาหายมากถึงจำนวนหนึ่งก็จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะอยู่ได้นานเท่าไร เพราะแม้ว่าผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน (antibodies) ต่อโควิด แต่ภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถหมดไปได้ และอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้งหนึ่ง การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อและรักษาหายของผู้ป่วยจำนวนมากเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้คือ "การฉีดวัคซีน" รัฐบาลของหลายประเทศจึงพยายามผลักดันให้ประชาชนในประเทศเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะมันช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตและยังสามารถทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ และปัจจุบันมีวัคซีนของหลายบริษัทที่พยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาปรับใช้ให้ทันกับโคโรนาไวรัสที่ก็มีการพัฒนาและกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !