เคยเห็นเด็กๆ คุยกันเองในกลุ่มเพื่อนว่าบ้านไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเขา เพราะการอาศัยอยู่ในบ้านที่พ่อแม่ไม่เข้าใจไม่ให้โอกาสในการได้เลือก ได้คิด ได้สื่อสาร เป็นบ้านที่ไม่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจเลยเมื่อบ้านไม่ใช่ safe zone เด็กๆ จึงมักมองหาความอบอุ่นใจจากที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน คนรัก หรือ ที่ไหนสักแห่งที่มอบความสบายใจให้ได้เมื่อบ้านไม่ใช่ safe zone บ้านก็จะเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวได้มาอาศัยอยู่รวมกันเท่านั้นไม่ได้ให้ความหมายทางความรู้สึกวิธีรับมือเมื่อเราอาศัยอยู่ในบ้านที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องเริ่มจากการประเมินความไม่ปลอดภัยนั้นเสียก่อน เช่น เป็นความไม่ปลอดภัยแบบไหน หากเราเจอกับความไม่ปลอดภัยประเภทความรุนแรงทางกาย และเพศ เช่น การเตะต่อย ทำร้ายด้วยอาวุธเป็นประจำ หรือการละเมิดทางเพศ แบบนี้อาจต้องรีบหาทางขอความช่วยเหลือ เพราะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะได้รับอันตราย อาจจะเริ่มจากการปรึกษาคนที่เราไว้ใจได้ หรือ หาข้อมูลบริการจากรัฐ เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาล บ้านพักเด็กและครอบครัวทุกจังหวัดความไม่ปลอดภัยประเภทต่อมาคือความไม่สบายใจที่เกิดจากการใช้อารมณ์ หรือคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ ทำให้เรารู้สึกเสียสุขภาพจิต หากทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุข รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ มีความเครียดและวิตกกังวลสูงต้องหาตัวช่วย อาจเริ่มจากการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา จิตแพทย์ แต่หากเกิดไม่บ่อยครั้ง หรืออยู่ในระดับที่รับมือได้อาจใช้วิธีการ ปรับรูปแบบการสื่อสารใหม่ในครอบครัว เช่น บอกความต้องการ บอกอารมณ์ความรู้สึกและเหตุผล รับฟังกันและกันใหม่มากขึ้น หรือบอกเล่าให้คนที่ไว้ใจฟังหากเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของครัวที่เป็นผู้ใหญ่เราควรเข้าใจพัฒนาการตามช่วงวัยเพื่อเรียนรู้วิธีการรับมือกับวัยต่างๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย อารมณ์ สมอง เพื่อจะได้เห็นที่มาของพฤติกรรม และรับมืออย่างเหมาะสม ไม่ทำให้บ้านเป็นเพียงพื้นที่ของการอยู่อาศัย และหากเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่เป็นเด็กและรู้สึกว่า บ้านไม่ใช่ safe zone เราต้องเรียนรู้วิธีในการรับมือ ปรับการสื่อสาร เรียนรู้วิธีการขอความช่วยเหลือ หรือสามารถไปยังหน่วยบริการที่สามารถให้คำปรึกษาอย่างถูกวิธีนสค.ฮูปปี้ดูปภาพทุกภาพตกแต่งเองจากโปรแกรม Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !