อ่านหัวข้อบทความแล้วทุกคนเกิดคำถามแน่ว่า “ความมั่นใจ” มันไม่ดีต่อนักเขียนอย่างไร หลายคนเข้าสู่วงการนี้ด้วยการเริ่มต้นผ่านแพลตฟอร์ม True ID In-Trend ค้นพบตัวเองยืนอยู่บนเส้นทางนี้ก็มาก แต่ล้มหายเลิกเขียนไปก็เยอะ น่าเสียดายเพราะแต่ละคนมีฝีมือ ก่อนตัดสินใจสมัครเข้าสู่การเป็นครีเอเตอร์เชื่อว่ามีพื้นฐานความชอบด้านนี้กันมาเป็นทุนเดิม แต่อะไรทำให้ไม่ไปต่อ? เรื่องเทคนิคเขียนยังไง หรือเคล็ดลับสร้างบทความเนี่ยคงผ่านตากันมาเยอะแล้ว ก่อนพูดถึงเรื่องความมั่นใจถึงเป็นอันตรายกับการพัฒนางานเขียน ขอพาออกนอกเรื่องเล่าถึงประสบการณ์หัดขับรถยนต์ของผมกันสักนิดย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนช่วงทำงานออฟฟิศ ผู้เขียนขับรถไม่เป็น แต่ได้รับคำสั่งจากเจ้าของบริษัทเลยว่าภายในเดือนนี้ทำยังไงก็ได้ให้เจ้าภิญโญที่จะเลื่อนตำแหน่งให้เป็นเชลล์ระดับภาค “ขับรถเองให้ได้” ถึงเวลาต้องบินเดี่ยวแล้ว ผลคือทั้งสัปดาห์ถูกส่งไปฝ่ายขนส่งเพื่อโดนเทรนด์การขับรถโดยเฉพาะ ความรู้สึกแรกเลยคือตั้งใจมาก คอยฟังพวกพี่ ๆ ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสอนว่าเริ่มต้นจับพวงมาลัยยังไง หลักการออกถนนต้องฝึกฝนอะไรบ้าง เริ่มเป็นอย่างรวดเร็วได้รับคำชม ชั่วโมงบินสูงขึ้นจนตัวเองคิดว่าขับคล่องแล้ว แน่แล้ว ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปจากตอนเริ่มฝึกหัดอย่างสิ้นเชิง มีคนบอกว่าเวลาขับรถทำอย่างนั้นไม่ได้นะ กลับแย้งในใจว่าจะมาบอกทำไม เราขับมาตั้งหมื่นกิโลเมตร นั่งไปเถอะเดี๋ยวขับเองความมั่นใจทำให้ความระวังน้อยลง ด้วยความคิดว่า “เก่งแล้วไม่เป็นไรหรอก” อะไรเคยทำตอนหัดขับรถเริ่มเปลี่ยนไป รปภ. โบกรถให้หยุดเริ่มหงุดหงิดจากที่เคยรอได้ก็อยากเร่งให้เค้าปล่อยรถฝั่งเราไปไว ๆ กล้าใช้ความเร็วมากขึ้น กล้าที่จะออกเลนขวา สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุจากความประมาททำให้กลับมาคิดว่า “เราขับรถเก่งจริงหรือ” เราขับมาหมื่นกิโลมันก็มีคนอื่นที่ขับมาแสนกิโล ยังเป็นแค่เศษกระพี้บนโลกกว้าง เช่นเดียวกับงานเขียนนะ ลองนึกดูดี ๆ ตอนเราเข้าสู่ True ID In-Trend ครั้งแรกโดนแก้งานไม่เคยบ่น รอตรวจสัก 4-5 วันไม่มีปริปากเพราะตอนนั้นพวกเราอยู่ในสถานะเหมือนนักเรียนเชื่อฟังคุณครู ใครบอกอะไรก็ฟังเพราะยังทำอะไรไม่เป็น พอชั่วโมงบินสูงถูกตีกลับมาแก้งานกลับคิดว่าเราเขียนผ่านมาหลายสิบเรื่องแล้วทำไมต้องแก้อีก “มันก็ดีอยู่แล้วนี่” จากเคยรอได้เป็นอาทิตย์ผ่านไป 2 วันเริ่มบ่นว่าตรวจช้าจัง เหมือนการขับรถไม่มีผิดเลย ลองย้อนไปเทียบกับตัวเองวันแรกที่เข้ามาในแพลตฟอร์มว่าจริงมั้ยและความมั่นใจคิดว่าเก่งแล้วยังทำให้มาตรฐานตัวเองตกลง มีใครบอกควรเขียนแบบนี้แต่ด้วยความมั่นใจของเรานี่แหละจะเกิดความคิดแย้งว่าที่ตัวเองทำไปมันถูก ไม่จำเป็นต้องแก้ ทำปกมาตั้งเยอะแยะแล้วคอมเมนต์มาเหมือนเราไม่เคยทำ จากตอนหัดเขียนคงกลับมาแก้แบบไม่ลังเล เพราะอะไรนะหรือ.. ก็เพราะความมั่นใจของเรานี่แหละเป็นเหตุ ความมั่นใจว่าผลงานของเรามันดี ความมั่นใจว่าแบบนี้แหละถูกแล้ว มันย้อนกลับมาเป็นอุปสรรคการพัฒนาอย่างไม่รู้ตัว และถ้าเราเอาชนะความคิดนี้ไม่ได้มันจะเกิดความเบื่อหน่าย หมดอารมณ์ที่จะเขียน สุดท้ายหันหลังให้กับวงการครีเอเตอร์อย่างน่าเสียดายทั้งที่เดินมาได้ไกลหลายก้าวแล้วหากกำลังอยู่บนทางแยกว่าจะ “สู้” หรือพอแค่นี้ ให้คิดถึงของใกล้ตัวอย่างจักรยาน ช่วงหัดปั่นใหม่ ๆ เรากล้าขี่แบบมือเดียวอีกมือเล่นโทรศัพท์มั้ย หากมีตาลุงคนหนึ่งตะโกน “เฮ้ย ขี่ระวังหน่อยเก็บมือถือก่อน” เราโกรธเค้าที่มาสั่งสอนเราหรือเปล่า ก็เรามั่นใจว่าไม่เกิดอุบัติเหตุหรอกเพราะปั่นจักรยานมาหลายปีแล้ว นั่นแหละคือความรู้สึกเรากับงานเขียนตอนนี้ กลับไปอ่านบทความแรกในแพลตฟอร์มทำไมถึงรู้สึกว่าดูตลกอยากกลับไปแก้ ทั้งที่วันนั้นวินาทีกดส่งเรามั่นใจว่าสมบูรณ์แล้ว หรือเอาบทความล่าสุดของตัวเองที่มั่นใจว่ามันดีเริ่ดปักหมุดในใจไว้ “อีกสองปีกลับมาอ่าน” ถ้าเรายังเขียนต่อจนถึงวันนั้นจะเกิดความคิดว่าทำไมถึงเขียนอย่างนี้ เอ๊ะถ้าเพิ่มตรงนี้จะดูสมูทกว่า เฮ้ยนั่นปกเราทำหรอทำไมฟอนต์ไม่สวยเลยนั่นคือวันนี้เราก็ยังไม่ได้เก่งอย่างที่คิดและตัวเราอีกสองปีต่อจากวันนั้นกลับมาอ่านผลงานของตัวเองมันเกิดความรู้สึกอ่านแล้วอยากกลับมาแก้อยู่ดี ความคิดความอ่านในวงการนี้เพิ่มขึ้น เปลี่ยนจากความมั่นใจเต็มร้อยมาเป็นความคิดว่ากำลังอยู่ในช่วงพัฒนา เปลี่ยนความมั่นใจว่ามันดีอยู่แล้วเป็นความกล้ารับคำชี้แนะใหม่ ๆ จากคนมีประสบการณ์มากกว่า ต่อให้คิดว่างานมาสเตอร์พีซของเราสมบูรณ์แค่ไหนอนาคตสักวันเมื่อเราโตขึ้นเชื่อเถอะว่ามองเห็นจุดด้อยผลงานในอดีตกันทั้งนั้น เราทุกคนยังไม่เก่งนะ..อย่าโกรธเลยหากมีคนบอกว่าต้องแก้งาน เพราะขนาดตัวเราเองยังคิดว่างานในอดีตของเรายังไม่ดี บรรณาธิการความคิดความอ่านอาจอยู่ในระดับตัวเราอีกสิบปีข้างหน้า หากพัฒนาตัวเองไปสู่การรับงานแบรนด์ได้เจอการแก้แบบโหดยิ่งกว่านี้ ไม่อย่างนั้นนักเขียนมืออาชีพคงไม่มีคำว่าดราฟต์ 3 ดราฟต์ 4 นั่นคือการแก้งานคือเรื่องปกติ ตัดเสื้อให้ลูกค้าใส่ไม่พอดีมันก็ต้องกลับมาแก้ จะไปบอกว่าเสื้อมันดีอยู่แล้วก็ใส่ไปสิคงไม่ได้ อย่าท้อ อย่าเบื่อหน่าย ให้คิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของงาน แล้วความสนุกกับการทำในสิ่งที่ชอบจะเกิดขึ้นเอง เป็นกำลังใจให้กับทุกคนเมื่อก้าวสู่วงการนี้ให้สู้ต่อไปครับ..บทความน่าสนใจแชร์เทคนิครับงานแบรนด์ลงแพลตฟอร์ม TrueID In-Trend ต้องทำอย่างไร ฉบับเริ่มต้นแชร์ประสบการณ์ TrueID In-Trend เขียนอย่างไรถึงสร้างเงินภาพประกอบโดย ภาพปก Pixabay โดย AlexAntropov86 / ภาพที่ 1-2 : โดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 Pixabay โดย khamkhor / ภาพที่ 4 Pixabay โดย AB_sเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !