เป็นคำถามโลกแตกอีกคำถามหนึ่งว่าทำไมเราต้องเรียนวิทยาศาสตร์ พี่นัทเองก็เคยสงสัย เคยถามครู ถามเพื่อน "เราเรียนวิทยาศาสตร์ไปทำไมกัน?" วันนี้พี่นัทคิดว่านอกจากพี่นัทแล้ว น้อง ๆ หลายคนก็คงอยากจะรู้เช่นเดียวกัน จึงหาข้อมูลมาเขียนให้น้อง ๆ ได้ศึกษา พร้อมแล้วเราไปดูกันเลยว่า..ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์! (ภาพถ่ายโดย Chokniti Khongchum จาก Pexels)อ่า.. พอพูดถึงข้อดีหรือประโยชน์ของการเรียนวิชานี้ เราก็จะนึกถึงเบื้องต้นที่เจออยู่เป็นประจำกันก่อน เรียนวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่มีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์เลย เราก็จะรู้แค่ว่า ฝนตก แต่ไม่รู้ว่าตกลงมาได้ยังไง หรือรู้แค่ว่าน้ำยาล้างจานกินไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงกินไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อมาหาเหตุและผลมาอธิบายข้อข้องใจต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ทราบถึงที่มาที่ไปของสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานั่นเองวิทยาศาสตร์ช่วยในการปูพื้นฐานการเรียนต่อ แน่นอนว่าตอนมัธยมปลายน้อง ๆ ต้องเจอกับวิทยาศาสตร์ที่แตกแขนงออกไปอีกไม่ว่าจะเป็น ฟิสิกส์ เคมี หรือชีววิทยา มันคือการเจาะลึกจากข้องมูลที่เราเคยเรียนกันตอนประถมให้เจาะจงเข้าไปลึกขึ้นอีก ในแต่ละวิชาจะมีเอกลักที่ต่างกันเพื่อให้เราค้นหาตัวเองว่าชอบแบบไหน เช่น เคมีี จะเกี่ยวกับการทดลองสารทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีทำน้ำยาล้างจาน หรืออะไรต่าง ๆ นานา ชีววิทยาจะเกียวกับพืช คน และสัตว์ หรือพูดง่าย ๆ คือการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนั้นเอง ส่วนฟิสิกส์จะเกี่ยวกับพลังงาน แรง ทั้งสิ้น เช่นแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นต้น(ภาพถ่ายโดย Polina Tankilevitch จาก Pexels)นอกจากจะเรียนรู้เพื่อการนำไปศึกษาต่อแล้วยังมีหลาย ๆ อาชีพที่ใช้วิทยาศาสตร์ในการทำงาน ยกตัวอย่างที่เราเห็นกันชัด ๆ เลยคือ หมอ พยาบาล เภสัช ที่ต้องใช้ในการรักษาหรือศึกษาเครื่องมือทั้งหลาย หากไม่มีความรู้เหล่านี้ เราอาจจะไม่รู้ว่าโรคหวัดเกิดจากอะไร โรค Covid-19 เกิดจากอะไร ต้องใช้วิธีรักษาแบบไหนถึงจะหาย นอกจากอาชีพเหล่านี้แล้วยังมีวิศวกร ที่ต้องใช้ฟิสิกส์เข้ามาช่วยในการทำงาน ไม่เพียงแต่ 2 สาขาอาชีพที่นัทนำมากล่าวถึง ยังมีอีกหลาย ๆ อาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการทำงายเช่นกัน เช่นนักบิน นักปรุงน้ำหอม ฯลฯ(ขอบคุณภาพจาก Pexels.com)วิทยาศาสตร์ช่วยฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการสงสัย นำไปสู่การตั้งสมมติฐาน การหาข้อมูความรู้ สรุป และแก้ไข สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้การทำงานมีระบบระเบียบมากขึ้น การฝึกคิดอย่างเป็นระบบจะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่เท็จจริงมากยิ่งขึ้น เราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน หรือในการทำงานได้ด้วย และนอกจากนี้ยังทำให้เรา ตั้งคำถามก่อนเชื่อ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เด็กวิทย์ค่อนข้างที่จะเชื่อเรื่องผีสาง ไสยศาสตร์ยากหรืออะไรต่าง ๆ ที่ไร้เหตุผล เพราะเขามักจะตั้งคำถาม ตั้งสมมติฐาน หาข้อมูล ข้อเท็จจริงเสียก่อน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ดียิ่งขึ้นวิทยาศาสตร์คือการเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ เช่นการตัดแต่งกิ่ง การแพร่ขยายพันธุ์ไม้ ตกแต่งพันธุกรรม ล้วนเกิดมาจากสิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น เราจะเห็นได้ว่าวิทยาศาสตร์ล้วนอยู่รอบตัวเราไปหมด ความสะดวกสบายในปัจจุบันก็ล้วนแต่เกิดจากสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะไฟฟ้าที่เราใช้ ติดต่าสื่อสารทางไกลกันด้วยสิ่งที่เรียกว่ามือถือ อินเตอร์เน็ต หรือการสร้างสิ่งที่ขนส่งเราจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเช่น รถ เครื่องบิน เรือ เหล่านี้ริเริ่มมาจากนักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้นค่ะ (ภาพถ่ายโดย Min An จาก Pexels)แต่ถ้าน้องไม่ชอบที่จะเรียนวิชานี้ อาจจะลงเรียนสายศิลป์ได้ค่ะ หลายคนลงเรียนเพียงเพราะเห็นเป็นห้องเด็กเก่ง น่าชื่นชม แต่พี่นัทบอกเลยว่าแต่ละห้องต่างมีความเก่งไม่เหมือนกัน อย่างพี่นัทเรียนสายวิทย์-คณิต จะให้พี่นัทไปเรียนศิลป์ภาษาจีนพี่นัททำไม่ได้ะ เพราะพี่นัทไม่ได้เก่งภาษาเลย ดังนั้นอย่าเสียเวลากับอะไรที่เราไม่ชอบเพราะนั้ยอาจทำให้เกรดของน้อง ๆ หล่นฮวบลงได้เหมือนกันนะคะ <3ภาพปกโดย Chokniti Khongchum จาก Pexels