ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย แม้แต่ค่านิยมหลายอย่างในสังคมเรา ก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถึงแม้ปัจจุบัน อะไรหลาย ๆ อย่างจะดูทันสมัยมากขึ้น แต่ปัญหาสังคมในด้านต่าง ๆ ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ปัญหาของ “เด็กหรือเยาวชน” ก็เป็นปัญหานึงในสังคมที่ค่อนข้างรุนแรงและยากต่อการแก้ไขไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องทางเพศ สื่อที่ล่อแหลม หรือแม้แต่ยาเสพติด ล้วนเป็นปัญหาที่พ่อแม่และครอบครัวกังวลเป็นอย่างมาก ในการใช้ชีวิตของลูกหลานในสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจให้หลงไปในทางที่ผิดพ่อแม่หรือครอบครัวสมัยใหม่ ที่เป็นคนระดับกลางไปจนสูง จึงมีการหาแนวคิดและศึกษาการเลี้ยงดูบุตรหลานเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคตแนวคิด “ซื้อสังคมให้ลูก” จึงถูกนำมาใช้อย่างมากในปัจจุบัน โดยพ่อแม่และครอบครัวของเด็กเชื่อว่ามันสามารถป้องกันปัญหาต่าง ๆ ได้ในระดับนึง คิดเป็น 70% - 80% เลยทีเดียวการซื้อสังคมให้ลูก ก็คือ การเลือกสังคมให้ลูก นั่นเอง เพราะพ่อแม่จะเป็นคนกำหนดแนวทาง ปูพื้นฐานต่าง ๆ ในชีวิตของเด็กไปจนถึงบรรลุนิติภาวะได้ การเลือกสังคมให้ลูกนั้น มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมบุคลิกภาพและแนวคิดในการดำเนินชีวิตของเด็กค่อนข้างมากทีเดียวในทางจิตวิทยานั้น นักจิตวิทยาอย่าง ซิกมันด์ ฟรอยด์ ได้จำแนกเรื่องความเป็นตัวตนของมนุษย์ ไว้สามอย่าง คือ ID (การปลูกฝังในวัยเด็ก), EGO (การถูกหล่อหลอมโดยบริบทสังคม) และ SUPER EGO (พฤติกรรมการรู้ผิดชอบชั่วดีในการอยู่ร่วมในสังคม)จะเห็นว่า EGO และ SUPER EGO นั้นเป็นบริบทที่สำคัญ ที่จะเป็นส่วนประกอบทางความคิดและนิสัยใจคอเด็กนอกเหนือจาก ID หรือการปลูกฝังในวัยเด็กโดยครอบครัวหรือพันธุกรรม นั่นหมายถึง สภาพแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวเด็ก ล้วนมีผลต่อการปลูกฝังความรู้สึกนึกคิดของเด็ก นั่นเองพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่เป็นคนมีวุฒิภาวะและการศึกษา มักจะวางแผนซื้อสังคมให้ลูกตั้งแต่เริ่มแรก ด้วยการเลือกสรรค์ตั้งแต่สถานศึกษาที่มีสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ดี ตั้งแต่สถานที่ ครูอาจารย์ หรือสังคมเพื่อนฝูง ล้วนเป็นคนในระดับเดียวกัน เพราะเมื่อเด็กซึมซับสภาพสังคมรอบตัว สิ่งเหล่านั้นก็จะหล่อหลอมนิสัยใจคอไปจนฝังเป็นทัศนคติของเขาด้วยหรือแม้แต่สถานที่ต่าง ๆ เช่น สวนสนุกหรือแหล่งนันทนาการต่าง ๆ “ค่าใช้จ่าย” มักจะเป็นสิ่งคัดกรองสังคมของเด็กไปในตัวไปจนถึงพ่อแม่ ยิ่งค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้น การคัดกรองคนระดับเดียวกันก็มีเพิ่มมากขึ้น คนระดับที่ต่ำกว่าก็ไม่สามารถซื้อบริบทสังคมนั้น ๆ ให้กับลูกได้ ยกตัวอย่างสวนสนุกในห้างที่ราคาระดับ 300-1,000 บาท ก็จะคัดกรองระดับมารยาทของเด็กและครอบครัว ไปจนถึงกำลังจ่ายของผู้ปกครองที่สามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายได้ และครอบครัวเด็กที่มีกำลังจ่ายในระดับต่ำกว่า 100 บาทก็จะไม่สามารถเข้าถึงการบริการนั้น ๆ ได้นั่นเองจากข้อมูลใน pantip.com เรื่องการเลือกสถานศึกษาพบว่า สถานศึกษาหรือโรงเรียนที่ค่าใช้จ่ายสูงและโรงเรียนที่เน้นการเรียนการสอนอย่างเข้มข้นจะเป็นสิ่งคัดกรองสังคมให้เด็กไปในตัว และนิสัยใจคอรวมไปถึงมารยาทของผู้ปกครองในสังคมโรงเรียนนั้น ๆ ก็จะมีความคล้ายคลึงกันเป็นส่วนมากเนื่องจากพื้นฐานครอบครัวของเด็ก มีวุฒิภาวะในการเลี้ยงดูและเป็นตัวอย่างในการบ่งชี้ให้เด็กมีพื้นฐานเรื่องอุปนิสัยความคิดพื้นฐานที่คล้ายคลึงกับพ่อแม่ในเรื่องมุมมองการใช้ชีวิต และเนื่องจากครอบครัวฐานะปานกลางไปในจนสูงนั้น มีกำลังทรัพย์และเวลาในการแนะนำอบรมสั่งสอนเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งแนวคิดให้ลูกหลานมากกว่าครอบครัวที่มีรายได้ขั้นต่ำ ที่ต้องดิ้นรนหาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้านเนื่องจากครอบครัวที่อยู่ในระดับต่ำหรือรายได้น้อยนั้น พ่อแม่หรือคนในครอบครัวต้องออกไปทำงานหนักนอกบ้าน เพื่อหาค่าใช้จ่ายให้พอกับความจำเป็นของคนในครอบครัว ทำให้กำลังทรัพย์และเวลานั้นไม่เพียงพอต่อการอบรมดูแลลูกหลาน บางครั้งจำเป็นจะต้องให้เรียนในสถานศึกษาที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก ซึ่งเด็กก็จะเจอสังคมในระดับเดียวกัน และเมื่อเด็กหาคำปรึกษาจากครอบครัวไม่ได้ ก็จะหันไปหา เพื่อน สิ่งเสพติดและอบายมุขต่าง ๆ ในที่สุดผู้เขียนได้มีโอกาสไปพบปะเด็กที่ถูกดำเนินคดีอาญาต่าง ๆ ที่ศาลเยาวชนกรุงเทพ ที่เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพฯ พบว่าร้อยละ 95% ล้วนเรียนโรงเรียนที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ค่อนข้างต่ำ ไม่มีเวลาอบรมดูแลเด็ก จนเข้าสู่สังคมที่ถูกชักจูงไปทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างการโจรกรรม การติดยาเสพติด และการล่วงละเมิดทางเพศแต่ทั้งนี้ ไม่ได้การันตีว่า โรงเรียนที่ค่าใช้จ่ายสูงจะป้องกันปัญหาได้ทั้งหมด เพียงแต่อัตราการที่เด็กจะมีทัศนคติในเชิงลบจะน้อยกว่าโรงเรียนที่ค่าใช้จ่ายไม่สูง และก็ไม่เสมอไปที่เด็กในโรงเรียนที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงจะเกิดปัญหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของครอบครัวในการปลูกฝังพื้นฐานนิสัยหรือ ID ให้กับเด็กด้วยซึ่งนอกจากปัจจัยแวดล้อมทางสังคมอื่น ๆ ของเด็ก การซื้อสังคมที่บ้านและสังคมรอบบ้าน อาจจะทำได้ยากต่อโยกย้าย เปลี่ยนแปลง มากกว่าสังคมที่อื่น ๆ ทั้งนี้พ่อแม่และครอบครัว ควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดในการ คบหาเพื่อน เพื่อนต่างวัย การเสพสื่อต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นละคร คลิปต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้เด็ก เกิดพฤติกรรมคล้อยตามหรือเอาเป็นแบบอย่าง ได้ ควรดูแลและจำกัดการเสพสื่อต่าง ๆ ทั้งมือถือและอื่น ๆ ในโลกออนไลน์ด้วย เพื่อป้องกันการถูกมอมเมา หรือถูกมิจฉาชีพชักนำไปในทางไม่ดี การสร้างระเบียบวินัยทั้งทางการกระทำและความคิดตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นส่วนที่ช่วยได้มากในการซื้อสังคมที่บ้านแต่หากครอบครัวใด มีความรุนแรงภายในบ้าน มีการใช้ยาเสพติด หรือตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมและขาดการดูแลอบรมเด็ก ก็มีโอกาสสูงมากที่ เด็กจะมีอุดมคติทางความคิดไปในทางที่ผิด และควบคุมยากเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นพ่อแม่หรือครอบครัวยุคใหม่ที่พอจะมีฐานะ จึงมักจะใช้วิธีการซื้อสังคม ซื้อสภาพแวดล้อมให้ลูก เพื่อป้องกันการถูกชักจูงและการมีทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิต แต่ทั้งนี้ การอบรมเลี้ยงดูเด็ก ก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อสังคมให้ลูกเช่นกันพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับภาพปกโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/710743ภาพประกอบโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/1153976https://pixabay.com/photos/fear-woman-stop-1131143https://www.pexels.com/th-th/photo/1187086https://www.pexels.com/th-th/photo/173666https://www.pexels.com/th-th/photo/1739842https://www.pexels.com/th-th/photo/267885https://www.pexels.com/th-th/photo/1516440