หลายคนคงจะทราบข่าวที่ยูฟ่าออกมาประกาศยกเลิกการใช้กฎการยิงประตูทีมเยือน (Away Goal) กันไปแล้ว โดยมีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2021-22 หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ากฎ Away Goal นั้นมีความเป็นมาอย่างไร ที่มาที่ไปของกฎนี้เกิดจากการที่ยูฟ่าได้เล็งเห็นว่าทีมผู้มาเยือนนั้นตั้งใจที่จะมาเน้นเล่นตั้งรับ ไม่ยอมเป็นฝ่ายบุกโจมตีคู่แข่ง กฎนี้จะมีขึ้นเพื่อทำให้ทีมเยือนมีแรงจูงใจในการเล่นเกมรุกหรืออยากทำประตูมากขึ้นเพื่อกุมความได้เปรียบ ซึ่งเริ่มใช้ครั้งแรกในฟุตบอลคัพ วินเนอร์ คัพ ฤดูกาล 1965-1966 กฎนี้จะถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลแบบเหย้า-เยือน โดยจะมีการใช้เมื่อการแข่งขั้นทั้ง 2 นัดมีผลการแข่งขันที่จบลงด้วยการเสมอกันในประตูรวม ยกตัวอย่างเช่น ตัวอย่างที่ 1 ในนัดแรก สกอร์คือ: ทีม A (เจ้าบ้าน) 1-0 ทีม B (ทีมเยือน) ในนัดที่สอง สกอร์คือ: ทีม B (เหย้า) 1-0 ทีม A (เยือน) ในตัวอย่างนี้ ประตูรวมทั้งสองนัดคือ 1-1 แต่เนื่องจากไม่มีทีมใดทำประตูทีมเยือน การแข่งขันจะเข้าสู่ช่วงการต่อเวลาพิเศษ และจุดโทษต่อไปหากในช่วงต่อเวลายังทำอะไรกันไม่ได้ ตัวอย่างที่ 2 ในนัดแรก สกอร์คือ: ทีม A (เจ้าบ้าน) 1–0 ทีม B (ทีมเยือน) ในนัดที่สอง สกอร์คือ: ทีม B (เหย้า) 2–1 ทีม A (เยือน) ในตัวอย่างนี้ ประตูรวมคือ 2–2 เพราะทีม A ได้ประตูเยือนในนัดที่สอง ดังนั้นทีม A จะเป็นผู้เข้ารอบต่อไป เนื่องจากพวกเขาทำประตูทีมเยือนได้มากกว่าทีม B ตัวอย่างที่ 3 (มี Away Goal แต่ไม่นับในช่วงต่อเวลาพิเศษ) ในนัดแรก สกอร์คือ: ทีม A (เจ้าบ้าน) 1–0 ทีม B (ทีมเยือน) ในนัดที่สอง สกอร์เป็นดังต่อไปนี้: นัดที่สอง หลังจาก 90 นาที: ทีม B (เหย้า) 1-0 ทีม A (เยือน) นัดที่สอง หลังจากต่อเวลาพิเศษ: ทีม B (เหย้า) 2-1 ทีม A (เยือน) ในตัวอย่างนี้ ประตูรวมคือ 1-1 หลังจาก 90 นาทีในนัดที่สอง และไม่มีทีมใดทำประตูทีมเยือนได้ จะทำการต่อเวลาพิเศษ หลังจากช่วงต่อเวลาพิเศษ ประตูรวมอยู่ที่ 2–2 โดยทีม A ได้ประตูทีมเยือน อย่างไรก็ตาม จะไม่เหมือนกับตัวอย่าง 4 กฎประตูทีมเยือนไม่มีผลในช่วงต่อเวลาพิเศษ และการแข่งขันจะดำเนินไปสู่การยิงจุดโทษ ตัวอย่างที่ 4 (มี Away Goal และนับในช่วงต่อเวลาพิเศษ) ในนัดแรก สกอร์คือ: ทีม A (เจ้าบ้าน) 1–0 ทีม B (ทีมเยือน) ในนัดที่สอง สกอร์เป็นดังต่อไปนี้: นัดที่สอง หลังจาก 90 นาที: ทีม B (เหย้า) 1-0 ทีม A (เยือน) นัดที่สอง หลังจากต่อเวลาพิเศษ: ทีม B (เหย้า) 2-1 ทีม A (เยือน) ในตัวอย่างนี้ ประตูรวมคือ 1-1 หลังจาก 90 นาทีในเลกที่สอง และไม่มีทีมใดทำประตูทีมเยือนได้ จะต่อเวลาพิเศษ หลังจากช่วงต่อเวลาพิเศษ ทีม A ตีเสมอในประตูรวมเป็น 2–2 แต่ตอนนี้ทีม A ได้ประตูจากทีมเยือน และด้วยสกอร์นี้จะทำให้ทีม A เข้ารอบ เนื่องจากพวกเขาทำประตูได้มากกว่าทีม B ตัวอย่างที่ 5 ในนัดแรก สกอร์คือ: ทีม A (เจ้าบ้าน) 1–0 ทีม B (ทีมเยือน) ในนัดที่สอง สกอร์เป็นดังต่อไปนี้: นัดที่สอง หลังจาก 90 นาที: ทีม B (เหย้า) 1-0 ทีม A (เยือน) นัดที่สอง หลังจากช่วงต่อเวลาพิเศษ: ทีม B (เหย้า) 1-0 ทีม A (เยือน) ในตัวอย่างนี้ ประตูรวมคือ 1-1 แต่เนื่องจากไม่มีทีมใดทำประตูทีมเยือน การแข่งขันจะเข้าสู่การต่อเวลาพิเศษ และยังไม่มีการทำประตูเพิ่มเติมที่ในช่วงต่อเวลา การแข่งขันจะดำเนินไปสู่การยิงลูกจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะ การที่ยกเลิกกฎนี้จะกลายเป็นทุกเกมจะมีผลในตัวมันเอง ถ้าในนัดแรกออกผลเสมอ นัด2ก็ต้องมีฝ่ายบุกหรือจะเอาเสมออีกก็ได้ ถ้าใครแพ้มา ก็ต้องบุกเอาประตู แต่ไม่ต้องพะวงว่าถ้าโดนยิงเพิ่มละต้องยิงเพิ่มอีก2-3ลูก หากมองในแง่ดีก็ดี หรือหากมองในแง่ว่าเสียเปรียบด้านแฟนบอลก็อาจจะมองได้ แต่สุดท้ายก็ต้องให้แฟนบอลอย่างเราๆ ท่านๆ นั้นเป็นผู้ตัดสินใจว่ามันจะส่งกระทบในแง่ดีหรือแง่ร้ายมากกว่ากัน ขอบคุณเครดิตรูปภาพปก จาก Markus Spiske by Pexels ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบ 1 จาก Tembela Bohle by Pexels ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบ 2 จาก Mario Cuadros by Pexels ขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบ 3 จาก Ashley Williams by Pexels ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !