วันนี้เราจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวสบายๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดจากสถานการณ์ในช่วงนี้กัน ที่ นครพนม จังหวัดเล็กๆ ทางภาคอีสานของประเทศไทยค่ะ พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง นี่คือคำขวัญของจังหวัดนครพนมค่ะ บ่งบอกได้เลยว่าจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความงามทางวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน วันนี้เราเลยจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวทางวัฒนธรรมของนครพนมกันค่ะ เริ่มต้นที่แรกกันเลย มานครพนมเราก็ต้องได้แวะไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ชมความสวยงามของพระธาตุพนมกันค่ะพระธาตุพนมเป็นพระธาตุที่ใหญ่ที่สุดในแถบภาคอีสานและยังเป็นศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ของชาวอีสานเลยนะคะ ว่ากันว่าถ้าใครได้มากราบนมัสการพระธาตุถึง 7 ครั้ง จะกลายเป็น "ลูกพระธาตุ" นับเป็นศิริมงคลต่อชีวิตมากๆใครเป็นสายมูเชิญทางนี้ โดยเฉพาะคนที่เกิดวันอาทิตย์ และคนที่เกิดในปีวอกซึ่งมีพระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำวันเกิดค่ะ วัดพระธาตุพนมนี้อยู่ห่างจากสนามบินนครพนมประมาณ 69 กิโลเมตร หากขับรถส่วนตัวใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ค่ะ หลังจากไหว้พระเสร็จเราก็ไปสำรวจนครพนมกันต่อค่ะ เมื่อได้เห็นศิลปะเก่าแก่กันแล้วถึงคราวต้องมาศึกษาประวัติศาสตร์ของที่นี่กันหน่อย ย้อนไปไกลสมัยโบราณกันเลยค่ะ เราจึงเดินทางมาที่ "บ้านลุงโฮ" เมื่อครั้งที่ลุงโฮหรืออดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์แห่งเวียดนาม ได้เคยมาอาศัยอยู่ที่นครพนมในช่วงปี พ.ศ.2466-2474 ที่นี่จะเป็นบ้านแบบโบราณนะคะ ภายในบ้านมีภาพถ่ายเก่าจัดแสดงเป็นนิทรรศการ ให้ภาพได้เล่าเรื่องราวต่างๆในช่วงเวลานั้น ทั้งการทำงานวางแผนต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาติ และยังมีภาพวิถีชีวิตของชาวเวียดนามที่อพยพเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นเวลากว่า 10 ปี เข้ามาเดินเล่นที่นี่แล้วไห้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่เวียดนามเลยนะคะ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ใครชอบถ่ายรูปแนะนำที่นี่เลยค่ะ บ้านลุงโฮอยู่ห่างจากสนามบินนครพนมแค่ 10 กว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง เที่ยวบ้านลุงโฮแล้วขับรถต่ออีกแค่นิดเดียวก็จะเจอ อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ก็ตามชื่อเลยค่ะที่นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และเหมือนกับเป็นคำขอบคุณของชาวเวียดนามที่มีต่อชาวนครพนมที่ให้ที่พักพิงกับลุงโฮและผู้ติดตาม ที่นี่มีเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่เลยนะคะ และที่สำคัญงบประมาณการก่อสร้างทั้งหมดได้มาจากทางรัฐบาลเวียดนามด้วยค่ะ ในอนุสรณ์สถานแห่งนี้ก็จะมีรูปปั้นลุงโฮอยู่ด้านในให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปคารวะรำลึกกัน นอกจากนั้นยังมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ของชาวเวียดนามด้วยค่ะ ไปรำลึกอดีตอันยาวนานกันแล้วเราก็เข้าเมืองมาดู พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) กันดีกว่าค่ะ จวนผู้ว่าหลังเก่าแก่นี้ ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของจังหวัดรวมไปถึงประวัติของท่านผู้ว่าตั้งแต่คนแรกจนถึงคนปัจจุบันเลยค่ะ มีห้องจัดแสดงทั้งหมด 10 ห้อง และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากรด้วยค่ะ ใครอยากมาเที่ยวชม ที่นี่เปิดทำการวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. เท่านั้น (วันหยุดเทศกาลต่างๆ ก็ปิดนะคะ) และที่สำคัญ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมค่ะ พอแดดร่มลมตก สายลมเย็นๆ ก็พัดผ่านมา เราเลยมาเดินเล่นรับลมชิวๆ กันที่ริมแม่น้ำโขง ระหว่างรอเวลาไปขึ้นเรือนำเที่ยวก็ยืนมองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ไปเรื่อยๆ สะพานนี้เป็นสะพานที่ทอดยาวถึง 780 เมตร เชื่อมระหว่างไทย(นครพนม)และลาว(คำม่วน) หากใครอยากไปแค่ถ่ายรูปที่สะพานไม่ได้จะข้ามฝั่งลาว ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้แต่จะสามารถยืนถ่ายได้แค่ฝั่งไทยเท่านั้นข้ามไปฝั่งลาวไม่ได้นะคะ แล้ว 17.00 น. ก็ได้เวลาที่เรือท่องเที่ยวของเทศบาลจะออกเดินทางล่องลำน้ำพาเราเยี่ยมชมความงามของ 2 ฝั่งโขง ขาไปดูฝั่งไทย ขากลับมองฝั่งลาว ค่าขึ้นเรือเพียงคนละ 50 บาทเท่านั้นใช้เวลาในการล่องทั้งหมด 1 ชม.ค่ะ เรือเทศบาลนี้ลำไม่ใหญ่มาก แต่ก็แข็งแรงปลอดภัย ที่สำคัญวิวสองข้างทางนั้นดีมากๆ ได้เห็นทั้งวัด และวิถีชีวิตริมน้ำของผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ในเรือจะมีไกด์ประจำคอยอธิบายรายละเอียดต่างๆ ระหว่างทางหรือเมื่อผ่านสถานที่สำคัญๆ ก็จะเล่าประวิติความเป็นมาให้นักท่องเที่ยวได้ความรู้กลับบ้านกันด้วยค่ะ และก่อนกลับเข้าฝั่ง เรือจะพาเราจอดกลางลำน้ำเพื่อดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าสวยงามมากๆ ถ้ามากับคนรักนี่คือดีงามจริงๆ ค่ะ ปิดท้ายค่ำคืนนี้กันด้วยการบูชา "พญาศรีสัตตนาคราช" ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง องค์พญาศรีสัตตนาคราชเป็นพญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีความสวยงามที่ โดดเด่นมากๆ เป็นพญานาค 7 เศียร ที่พ่นน้ำได้ด้วยค่ะ งานนี้สายมูห้ามพลาดนะคะ แต่เราขอเตือนไว้ก่อนว่าหากเพื่อนๆ มาขอพรกับพญานาคนั้นควรขอแค่เรื่องงานและเรื่องเงินเท่านั้นนะคะ ห้ามขอเรื่องความรักเป็นอันขาดเพราะจะทำให้ไม่สมหวังค่ะ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลใช้วิจารณญานกันเองนะคะ) นครพนมเป็นจังหวัดที่เงียบสงบและน่าค้นหามากนะคะ นอกจากสถานที่ที่เราได้พาเพื่อนๆ ไปชมกันแล้วก็ยังมีอีกหลายที่เลยที่ไม่ได้กล่าวถึง เช่น อุโมงค์พญานาค หอนาฬิกา โบสถ์นักบุญอันนา น้ำตกตาดโพธิ์ ต้นไม้รูปหัวใจ ฯ การได้มาเที่ยวที่นครพนมทำให้รู้ว่าจังหวัดเล็กๆ นี้มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากๆ จนมองข้ามไม่ได้เลยค่ะ เที่ยวครบรสได้ทุกเพศทุกวัย อาจจะห่างจากกรุงเทพฯ สักหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการเดินทาง ใครมาทางแถบอีสานอย่าลืมแวะเที่ยวนครพนมกันนะคะ ภาพประกอบทั้งหมดจากผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !