นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนา (Corona Virus) หรือโควิด-19 ระบาด ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเจอผลกระทบอย่างหนัก จนบางธุรกิจต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย แต่อีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยมาก หรือแทบไม่ได้รับผลกระทบเลยคือ ธุรกิจชานมไข่มุก ตอนผู้เขียนได้หาข้อมูลเกิดคำถามนึงที่สงสัยมากคือ ชานมไข่มุกไม่ใช่อาหารสุขภาพหรืออาหารจำเป็นในช่วงกักตัว แต่ทำไมมันถึงเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดล่ะ? เอาล่ะ เรามาดูเหตุผลกัน หนึ่งเลยคือ ชานมไข่มุกเป็นธุรกิจที่ไม่ได้นั่งกินที่ร้านอยู่แล้ว ซึ่งร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบหนัก ๆ ส่วนใหญ่คือ ร้านอาหารที่นั่งกินที่ร้าน เช่น ร้านสุกี้ ร้านชาบู โดยถ้าคำนึงถึงความคุ้มค่านั้น ร้านอาหารจำพวกนี้ต้องกินที่ร้านถึงจะคุ้มค่าใช่มั้ยล่ะคะ แต่ชานมไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมสั่งผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอร์รี่อยู่แล้ว ถึงขนาดติดเมนูยอดฮิต คนสั่งเยอะที่สุดในแอพที่คนไทยนิยมสั่งอาหารเครื่องดื่มเดลิเวอร์รี่กันอย่างแกร็บ ฟู๊ด (Grab Food) เลยล่ะ โดยทางGrab Food เปิดเผยว่า ร้านชาไข่มุกมีร้านอยู่ในระบบมากถึง 50แบรนด์ และยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3000% นับจากเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2018 และ 2-3 ปีมานี้ ได้มีกระแสชานมไข่มุกบูมมากในประเทศไทยและแถบเอเชียของเรา ทำให้มีการเปิดธุรกิจชานมไข่มุกแย่งผู้บริโภคกันแบบนองเลือดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CP และ IKEA ต้องมาร่วมวงกะเขาเลยด้วย ซึ่งต้นกำเนิดชานมไข่มุกนี้มาจากร้าน ๆ หนึ่งในไต้หวันชื่อ ชุนสุ่ยถัง ได้คิดค้นเมนูเครื่องดื่มแบบใหม่ ใส่เม็ดแป้งมันสำปะหลังต้ม ที่มีความเหนียวนุ่ม ผสมลงไปในน้ำชา ที่มีความหอมเป็นทุนเดิม ปรากฏว่า รสชาติเข้ากันได้พอดี ส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนแพร่หลายไปหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทยด้วย ตลาดชานมไข่มุกมีมูลค่าเท่าไหร่ ? ตลาดชานมไข่มุกทั่วโลกอยู่ที่ราว ๆ 62,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% และหากยังมีการบริโภคแบบต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปี 2023 มูลค่าตลาดจะมากถึง แสนล้านบาท!! เรียกได้ว่าฉุดไม่อยู่จริง ๆ เป็นมูลค่าตลาดที่สูงมาก ๆ แล้วตลาดประเทศไทยล่ะ? มูลค่าตลาดของไทยสูงถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไม่ตำ่กว่า 40% เลยล่ะ แถมประเทศไทยติดโผคนดื่มชานมไข่มุกเฉลี่ยต่อคนมากที่สุดในอาเซียนอีกด้วยนะ โดย ประเทศอินโดนีเชีย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ เฉลี่ยคือ 3 แก้วต่อคน/เดือน ในขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์สูงถึง 5 แก้วต่อคนเดือน และแชมป์นักดื่มชานมไข่มุกก็ตกเป็นของพี่ไทยเราจนได้ โดยเฉลี่ยมากถึง 6 แก้วต่อคน/เดือน ติดแชมป์ของอาเซียนไปเลยจ้า จากข้อมูลรสชาติยอดนิยมของคนไทยที่นิยมสั่งกันคือ Milk tea และ Brown Sugar ที่แทบทุกแบรนด์จะต้องมี และเฉลี่ยผู้บริโภคส่วนมากจะเป็นผู้หญิง 79% และผู้ชาย 21% โดยช่วงอายุที่ 24-35 ปี มากถึง 50% และ 35-44 ปี มากถึง 25% เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่ฮิตทุกเพศทุกวัยจริง ๆ จากที่ได้กล่าวมา สรุปได้ว่าชานมไข่มุก อาจจะไม่ใช่ เครื่องดื่มกระแสอีกต่อไป แต่เป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็น Every Drinks หรือเครื่องดื่มทั่วไปที่สามารถดื่มได้ทุกวันนั่นเอง จึงทำให้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงเวลากักตัวแบบนี้ ด้วยความลงตัวของชาและไข่มุกทำให้หลาย ๆ คนยากที่จะเลิกจริง ๆ นักเขียนก็เช่นกัน55555 ถึงอย่างนั้น นํ้าตาลในชานมก็มากอยู่ดี ควรกินแต่พอดีและออกกำลังกายสม่ำเสมอนะคะ • เครดิตรูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียน