องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ในมงคลสูตรว่า "ปูชาจปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ" แปลว่า การบูชาสถานที่และบุคคลที่ควรเคารพบูชา เป็นมงคลอันสูงสุด.. การบูชา คือ การยกย่อง เลื่อมใส ด้วยความบริสุทธิ์ใจ การบูชานั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การบูชาด้วยสิ่งของ เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน ของหอมต่าง ๆ และอาหาร เป็นต้น เรียกว่า อามิสบูชา และการบูชาด้วยการปฏิบัติธรรม เรียกว่า ปฏิบัติบูชา ซึ่งปฏิบัติบูชานี้เอง เป็นการบูชาสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่อง อีกทั้งยังเป็นเครื่องสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาที่มั่นคงแน่นอนอีกด้วย บุคคลที่ควรบูชา คือ บุคคลที่มีคุณงามความดี มีคุณูปการต่อสาธารณชน ควรค่าแก่การระลึกนึกถึงและยึดถือเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติตาม เช่น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวก บิดามารดา ครูอุปัชฌาอาจารย์ เป็นต้น บุคคลผู้ควรแก่สถูปเจดีย์ หรือบุคคลผู้ควรแก่การสร้างสถูปเจดีย์สำหรับบรรจุอัฐิธาตุไว้ เพื่อเป็นที่บูชาสักการะกราบไหว้ด้วยความเคารพเลื่อมใส ด้วยสามารถเป็นพลวปัจจัยนำให้ผู้กราบไหว้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ตามกำลังศรัทธาเลื่อมใสได้ เรียกว่า ถูปารหบุคคล (ถูปะ หมายถึง เนิน โดม สถูปหรือเจดีย์ ที่มียอดสูง ซึ่งสร้างครอบหรือบรรจุของควรบูชาเอาไว้ เช่น อัฐิของบุคคลที่ควรบูชากราบไหว้) พระธาตุสันติเจดีย์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัดสันติธรรม ถือเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่พุทธศาสนิกชนควรอย่างยิ่งที่จะต้องมากราบไหว้บูชา ถือเป็นหัวใจสำคัญของพระอาราม เพราะเป็นสถานที่ประดิษฐานถูปารหบุคคล มีพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก เป็นต้น พระธาตุสันติเจดีย์นี้ ได้รับการฐาปนาไว้ โดย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสน์ วาสนมหาเถร) จากคำบอกเล่าของแม่วงศ์ทอง สุภาวงศ์ (แม่ต้อ) ผู้เป็นน้องสาวของแม่นิ่มนวล สุภาวงศ์ ได้เล่าว่า "พระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งที่นำมาบรรจุในพระธาตุสันติเจดีย์นี้ ได้จากการอธิษฐานจิตอัญเชิญโดย พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ทำพิธี ณ วัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยคณะอุบาสิกาวัดสันติธรรม มีแม่นิ่มนวล สุภาวงศ์ และ แม่วงศ์ทอง สุภาวงศ์ เป็นต้น ได้ไปขอเมตตาจากพระอาจารย์ให้ทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนั้น พระอาจารย์นั่งสมาธิประมาณ ๒ ชั่วโมง แล้วปรากฏว่ามีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงบนพาน ที่ตั้งอยู่ต่อหน้าพระอาจารย์และญาติโยมที่นั่งเฝ้า จำนวน ๗ องค์ ขณะที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงนั้น ได้เกิดเสียงตกกระทบพาน จากนั้นพระอาจารย์ก็กล่าวว่า “พอแล้ว ได้เท่านี้หล่ะ” จึงได้นำพระบรมสารีริกธาตุทั้ง ๗ องค์มาประดิษฐานไว้ในกรุใต้ฐานพระพุทธรูปใจกลางพระธาตุสันติเจดีย์แห่งนี้ ชาวบ้านละแวกข้างวัด มักจะมองเห็นแสงพระธาตุลอยเสด็จรอบองค์พระธาตุสันติเจดีย์ในยามค่ำคืนของวันขึ้น ๑๔ - ๑๕ ค่ำอยู่บ่อย ๆ และในคืนของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระธาตุสันติเจดีย์แห่งนี้ ก็มักจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่มาปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ เดินจงกรม และเวียนเทียนรอบเจดีย์ เพื่อเป็นพุทธบูชา รายละเอียดพระพุทธรูปในซุ้มจระนำ บนพระธาตุสันติเจดีย์ทั้ง ๕ ชั้น ชั้นละ ๑๒ องค์ รวม ๖๐ องค์ ดังนี้ ชั้นที่ ๑ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ชั้นที่ ๒ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ชั้นที่ ๓ พระพุทธรูปปางห้ามพยาธิ (ห้ามญาติ) ชั้นที่ ๔ พระพุทธรูปปางรำพึง ชั้นที่ ๕ พระพุทธรูปปางเปิดโลก ความประทับใจ สาเหตุที่เจดีย์องค์นี้ ตั้งอยู่หลังอุโบสถ ซึ่งแลดูแล้วอาจจะคับแคบเกินไปสำหรับที่จะสร้างเจดีย์ แต่เนื่องด้วยสถานที่ของวัดที่จำกัดบวกกับความจริงที่ว่า โบราณาจารย์ทั้งหลายท่านได้ให้แง่คิดหรือแผงอุบายบางอย่างเอาไว้ ก็คือว่า เมื่อเรากราบพระพุทธรูปองค์พระประธานในอุโบสถของวัดแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการกราบไหว้ ทั้งพระประธานในอุโบสถ ทั้งพระพุทธรูปในเจดีย์ไปด้วยกันในคราวเดียว ภายในพระธาตุสันติเจดีย์ ทางด้านมุขตะวันตก ซึ่งติดชิดกับแนวกำแพงแก้ว ไม่เหมาะเป็นทางเข้าออก ได้ทำเป็นห้องกระจกนิรภัย เพื่อจัดแสดง วัตถุโบราณของมีค่าต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธเก่าแก่ และปูชนียวัตถุของวัดสันติธรรม เป็นต้น ความคิดเห็นส่วนตัว เมื่อเรายืนมองยอดเจดีย์ในระยะไกล ๆ จะเห็นได้ถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่มีอยู่ท่ามกลางเมืองกรุง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยแท้ อีกทั้งพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทั้ง ๕ ชั้น ก็แสดงถึงความศรัทธาเช่นกัน เพราะว่า กว่าจะสร้างเป็นพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นก็แสนยากแล้ว ยังต้องนำขึ้นไปประดิษฐานด้านบนเจดีย์อีกก็ยิ่งยากกว่า จึงแสดงได้ถึงแรงอุตสาหะ พยายาม และศรัทธาของเราชาวพุทธบริษัท จึงใคร่ขอเชิญชวนท่านพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธายิ่งในพระพุทธศาสนา ได้มาเยี่ยมชมด้วยตา สักการะเจดีย์และพระธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยิ่งไปกว่านั้น ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในประจักษ์พยานแห่งความรุ่งเรืองของปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนาในนครพิงค์ (เมืองเชียงใหม่) ในปัจจุบัน ที่มา : จากหนังสือ 70 ปี สันติธรรมานุสรณ์ 2493 - 2563 ที่ระลึกงานสมโภชพระธาตุสันติเจดีย์ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ : เพจ วัดสันติธรรม นครเชียงใหม่ สนง.วัดสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 โทร. 053 - 221792 ภาพปกและภาพประกอบโดย : ผู้เขียน วันลาเหลือใช่ไหมหรืออยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !