อื่นๆ

“นางนารี” ตอนที่ 1 ... นารีจุติ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
“นางนารี” ตอนที่ 1 ... นารีจุติ

ตอนที่ 1 ... นารีจุติ

“ให้มันว่องไวหน่อยซีวะ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็น กูไม่อยากโดนกระทืบตายในวัดนะโว้ย!”

ไอ้จุ่นตะโกนให้ลูกน้องเร่งมือทุบพระในโบสถ์ นี่ล่วงเลยจวนเช้ามืดยังขุดไม่ถึงกลางฐานพระ ว่ากันว่ามีหีบโบราณของเจ้าอาวาสองค์แรกเก็บของสำคัญเอาไว้ อย่างน้อยเป็นพระเก่าเอาไปขายได้ราคา พลันเสียงชะแลงกระทบไม้จนทะลุเป็นรู

“เฮ้ย..! เจอแล้ว ตำนานคือเรื่องจริง ยกมันขึ้นมาเลย”

ไอ้จุ่นดีใจเนื้อเต้น สั่งลูกน้องช่วยกันแบกหีบโบราณถูกปิดสนิทอย่างแน่นหนา ความยาวสัก 1 ศอก ฝ่าสายฝนหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว ทิ้งความเสียหายเป็นโพรงใหญ่หลังพระประธาน เป็นที่สะเทือนใจของชาวบ้าน และพระลูกวัดที่มามุงดูพร้อมกล่าวสาปแช่ง แต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันได้อะไรไป นอกจากเรื่องเล่าว่ามันคือของสำคัญ แต่คนรู้เห็นได้ตายจากโลกตามอายุขัยไปหมดแล้ว ทิ้งไว้เพียงปริศนาเป็นตำนานเลือนราง

Advertisement

Advertisement

อีกมุมหนึ่งของเรือนร้างชายขอบหมู่บ้าน กว่าหีบถูกทุบกลอนปลดล็อกได้เล่นเอาเหงื่อตก เปิดออกเจอกล่องไม้สักเล็ก ๆ อีกใบอัดอยู่ในห่อผ้า เปิดออกมาพบความประหลาดใจเพราะมันไม่มีของมีค่าใด ๆ เลยนอกจากซากไม้แห้งคล้ายหญิงสาวยาวเพียง 1 คืบ ผมยาว ทรวดทรงองค์เอวราวกับมนุษย์ทุกประการ

“เฮ้ย..! อะไรกันวะลูกพี่ ให้พวกข้าเสี่ยงแทบตาย เพื่อตุ๊กตาโง่ ๆ นี่นะ”

ไอ้จุ่นยืนนิ่ง สายตาเหลือบมองลูกน้องเดินแยกย้ายหายไป พลันตัดใจยอมรับสภาพว่าการปล้นของมันครั้งนี้เหนื่อยฟรี

“เฮ้ยพวกมึงรอกูด้วย จะให้กูโดนจับคนเดียวรึ” ทิ้งกล่องปริศนาไว้เบื้องหลัง และไม่มีใครพูดถึงมันอีกเลย

นิยาย นารี นารีจุติ มักรีผล

- ปีพุทธศักราช 2565 -

วิษณุ พานายทุนมาดูที่ดินของตัวเองที่แทบเป็นป่าร้าง ด้วยธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจำใจต้องขายที่ดินมรดกของคุณพ่อ พื้นที่ใหญ่โตติดริมน้ำ

Advertisement

Advertisement

“เชิญเดินดูรอบ ๆ ได้เต็มที่นะครับ”

ณุ แยกตัวเดินขึ้นบนเรือนเก่าซึ่งผุพังเต็มที จำได้ว่าสมัยตอนเด็กเคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่หลังคุณยายเสียก็พากันย้ายครอบครัวไปอยู่ในเมือง เรือนนี้ถูกทิ้งร้างมาร่วม 30 ปี เอื้อมมือผลักประตูรีบปิดจมูกจากเศษฝุ่นปลิวมาใส่หน้า แสงลอดตามช่องลมพอมองเห็นด้านในอย่างชัดเจนว่ามีหีบใบหนึ่งวางอยู่

สายตะสะดุดกล่องไม้ด้านในว่าเป็นของใครกัน มือปัดฝุ่นหนาเตอะเปิดขึ้นมาพบซากไม้แห้งรูปหญิงสาว มีกลิ่นไม้จันทร์หอมโชยออกมาแตะจมูกจนแทบเคลิ้มราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง คล้ายอยู่ในป่าเต็มไปด้วยใบไม้สีทอง น้ำตกระยิบระยับราวเกล็ดเพชร มีหญิงงามประหนึ่งธิดานางฟ้าแต่ครึ่งล่างเป็นนกบินผ่านไปเป็นประกายสีเงิน จนณุต้องเอามือป้องจากแสงวูบวาบจากขนที่สะท้อนแสงแดด

“ที่สวยมากติดริมน้ำทำรีสอร์ตได้สบาย ไม่คิดเลยชานกรุงยังมีที่สวยแบบนี้ เราอยากทำมันให้เสร็จก่อนปีใหม่”

Advertisement

Advertisement

เสียงจากเงาตะคุ่มผ่านแสงแดดหน้าประตู ณุตื่นจากภวังค์พร้อมรอยยิ้มเพราะนั่นหมายความว่าลูกค้าเงินหนารายนี้ตัดสินใจซื้อแล้วคงได้ราคางาม “งั้นเดี๋ยวไปตกลงรายละเอียดกันออฟฟิศผมนะครับ” ขอบใจนะ.. ณุเอ่ยขอบคุณเบา ๆ กับกล่องในมือ มองไปที่ไม้รูปหญิงงามราวกับเป็นของนำโชคให้เจรจางานใหญ่ลุล่วงในวันนี้ ตั้งใจถือกลับเพื่อหาคำตอบว่าไม้กลิ่นหอมแปลกประหลาดนี้คือสิ่งใด

นิยาย นารี มักรีผลเย็นวันนั้นหลังเสร็จงาน ณุรีบบึ่งรถไปหาสมเจตน์ เพื่อนร่วมรุ่นเป็นเซียนของโบราณด้วยความหวังว่าคงได้รับคำตอบแน่ ไม่ทันได้หยิบมาดู สมเจตน์เด็กเรียนประจำรุ่น มองลอดแว่นหนาเตอะแวบเดียวตอบโดยไม่ต้องหยิบมาดูด้วยซ้ำ

“มันคือมักรีผล มาจากต้นนารีแห่งป่าหิมพานต์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เชื่อมระหว่างโลกและสวรรค์ เชื่อว่ามักรีผลคือธิดาสรวงสวรรค์มาจุติเป็นผลนารี รูปร่างคล้ายหญิงสาว จะมีพวกฤๅษี คนธรรพ์ ที่ยังมีกิเลสตัณหาเด็ดเอาไปเสพสุข เมื่อถูกเด็ดขาดจากขั้วจะกลายร่างเป็นหญิงสาวงดงาม งามชนิดที่แม้แต่เทวดายังห้ามใจไม่ไหว แต่น่าเสียดาย น่าเสียดาย”

เสียดายอะไรวะไอ้เจตน์ เอ็งรู้อะไรบอกมาให้หมด

เจตน์เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมเล่าต่อว่า “นางนารีหากกลายร่างเป็นคนแล้วมีอายุเพียงแค่ 7 วัน ก็จะเหี่ยวแห้งไป แต่เอ็งดูซี่ ในเน็ตมีขายเยอะแยะเต็มไปหมด แบบนี้จะสั่งมาห้อยหน้าต่างสักกี่อันก็ได้ เอาของหลอกเด็กพวกนี้มาให้ยอดอัจฉริยะอย่างข้าดูทำไมวะ?”

นิยาย นางนารี

คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงผ่านหน้าต่าง ณุหยิบสิ่งที่เรียกว่ามักรีผลไว้ในมือ มองพิจารณานานมาก ด้วยความคล้อยตามคำกล่าวของเพื่อนว่ามันคือของแหกตา

“หรือว่ามันคือของทำขึ้นมาอย่างที่ไอ้เจตน์มันว่าจริง ๆ”

บรรจงวางกลับเข้ากล่องไม้อย่างทนุถนอม แต่สังเกตว่ากล่องหนาขนาดนี้แสดงว่าต้องมีอีกชั้นด้านใน นึกขึ้นได้รีบหยิบไขควงแบนมางัดพื้นกล่องเพื่อดูว่ามีอะไรด้านล่าง ณุแทบไม่เชื่อสายตา ได้พบมักรีผลแบบเดียวกันมีขั้วติดอยู่กับก้านเล็ก ๆ แต่กลับมีสีสันความสดมากอย่างน่าประหลาด ราวกับมันไม่เคยผ่านกาลเวลาใด ๆ

มีกลิ่นหอมประหลาดลอยกระทบจมูกเช่นเดียวกับตอนพบครั้งแรกในเรือนร้าง “เอาวะ ไม่ลองไม่รู้” ณุเด็ดผลนารีจากขั้ว ลมพัดอย่างแรงจนม่านพลิ้วสะบัด หนังสือบนโต๊ะล้มกระจาย มีแสงแปลบปลาบรอบผลนารี มันเย็นมากจนต้องปล่อยมือวางกับพื้น ลมพัดรุนแรงขึ้น ณุรีบไปเก็บข้าวของที่กำลังล้มลง เมื่อทุกอย่างสงบหันมาอีกทีพบร่างหญิงสาวผมยาว ผิวเนียนบริสุทธิ์ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นราวกับคนเพิ่งฟื้นจากสลบไปนาน

ณุตะลึงกับหญิงใบหน้างดงาม ตากลมโต ทรวดทรงองค์เอวสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ไม่เคยเห็นอะไรสวยขนาดนี้มาก่อน ตั้งสติได้รีบคว้าเสื้อที่แขวนอยู่ไปปิดของสงวน

“ฉันหนาว” เสียงแรกจากหญิงปริศนาทำให้ณุรีบหยิบผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มตัว พร้อมรู้โดยสัญชาตญาณว่าสิ่งตรงหน้าเรียกว่า “มักรีผล” สายตาของเธอมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง ณุยังอยู่ในอาการตกใจลุกไปหยิบจานแอปเปิลเพื่อหวังให้คลายหิว คิดเพียงแค่ต้องทำอะไรสักอย่างให้เธอผู้ดูบอบบางมีชีวิตรอด

“ว้าย!!! ทำไมคนที่นี่ใจคอโหดร้าย ถึงกับต้องหั่นกันเป็นชิ้น ๆ เลยหรือ” เอามือนิ้วเรียวยาวปิดหน้าร้องไห้เสียงดังลั่นจนณุเริ่มกลัวใครได้ยิน พาลเข้าใจผิดพาผู้หญิงมาทำมิร้าย

“เอ้า.. ไม่กินก็ไม่กิน อย่าเป็นอะไรตายห้องชั้นเสียก่อนล่ะ”

“นั่นน้ำนี่” หญิงปริศนาแย่งขวดน้ำจากมือของณุ ดื่มกินอย่างกระหายเหมือนกับว่าอาหารหลักเพียงอย่างเดียวของเธอคือน้ำ จากความตกใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความเอ็นดู ณุยิ้มอย่างอารมณ์ดี สีหน้าแววตาเธอดูสดชื่นหลังกินน้ำไปเต็มที่ ความสงสัยใคร่รู้ในหัวเต็มไปหมดจึงเริ่มถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เธอชื่ออะไร มาจากไหน”

“ฉันหรือ ทำไมฉันไม่รู้อะไรเลย อยู่ ๆ ก็มาที่นี่” หลังพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก จากความสดใสเริ่มสีหน้าเริ่มดูอิดโรย ณุประคองตัวลงบนที่นอน

“นอนซะที่นี่สักคืนพักเอาแรง ข้างนอกมันอันตรายเกินไปสำหรับคนไร้เดียงสาอย่างเธอ ใช่สินารีผล ผมเรียกคุณว่านารีละกัน คุณชื่อนารี”

ไม่ทันขาดคำนารีหลับไปอย่างว่าง่าย ณุบรรจงห่มผ้าอย่างทะนุถนอม ลากเก้าอี้อย่างแผ่วเบาไปยังโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง มองดูแสงจันทร์ที่วันนี้ดูสว่างสดใสกว่าทุกวัน พร้อมฟุบหน้าลงแนบแขนหลับไปด้วยความอ่อนล้าเช่นกัน ทั้งคู่หลับไปพร้อมกับสายลมอ่อน ๆ พลิ้วม่านสะบัด นารียามนอนต้องกับแสงจันทร์ช่างสวยเหลือเกิน

นิยาย นางนารี นารีตี๊ด .. ตี๊ด .. ตี๊ด

เสียงนาฬิกาปลุก ณุรีบตื่นเพื่อเตรียมตัวไปทำงานตามปกติ “จริงสิ! นารีล่ะ เธออยู่ไหน บ้าเอ๊ยยย บอกแล้วอย่าไปไหน ออกไปคงโดนรถชนตายแน่” แต่แล้วกลับหยุดทำทุกอย่างแบบฉับพลันหลังได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากข้างล่าง มันไพเราะมาก ชะโงกหน้าออกไปนอกระเบียงพบนารีกำลังร้องเพลงเล่นกับฝูงนก

“เธออออ นารี อย่าออกไปไหนนะ”

“จ้า.. ที่นี่มีเพื่อนเยอะแยะเลย ฉันไม่ออกไปไหนหรอก”

ณุกำชับหนักแน่น ได้ยินเสียงตอบรับค่อยสบายใจ ด้วยความเป็นห่วงจึงเตรียมทั้งข้าว , ผลไม้ , ขนม และน้ำอย่างพร้อมสรรพ นารียังกลัวผลไม้ที่ถูกหั่นจนณุต้องรีบเอาไปเก็บให้พ้นสายตา

“วันนี้ผมต้องรีบไปประชุมนัดสำคัญ อย่าลืมนะอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวตอนเย็นจะรีบกลับมา”

“ค่ะ ทราบแล้ว ฉันเอง อ้อ.. นารีจะดูแลบ้านให้นะ ชั้นไม่รู้หรอกว่าทำงานคืออะไร แต่ขอให้คุณปลอดภัย” นารีเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดูจริงใจ จนณุเองถึงกับเคลิ้มไปกับคำหวานราวกับต้องมนต์ของนารี

นิยาย มักรีผล นางนารีที่ออฟฟิศอันแสนยุ่งเหยิง ทุกคนต่างจับกลุ่มซุบซิบถึงสถานการณ์ในบริษัท ณุเดินเข้ามาอย่างหัวเสีย สั่งการคุณสมร หัวหน้าฝ่ายบุคคลเสียงดังลั่น ให้ระงับการเลย์เอาท์ลดจำนวนพนักงานเพราะกำลังจะได้เงินจากการขายที่มาช่วยพยุงฐานะการเงิน

“จำไว้นะ ตราบใดที่ผมยังเป็นประธานของที่นี่ บริษัทวิษณุไม่มีวันล้ม รีบกลับไปทำงาน”

รสา สาวไฮโซที่อาสามาช่วยงานอย่างมีจุดประสงค์หวังสมบัติตระกูลณุ แม้ว่าเงินสดขาดสภาพคล่อง แต่ครอบครัวยังมีทรัพย์สมบัติที่ดินอีกมากมาย

“คุณณุขา พวกอยู่มานานเงินเดือนสูงก็ไล่ออกไปบ้างซีคะ เดี๋ยวนี้เด็กจบใหม่เรียกเงินเดือนถูก ๆ เยอะแยะ จะไปเปลืองกับพวกแก่ ๆ  หงำเหงอะทำไมล่ะคะ”

สายตารสามองไปยังโจทย์รอบตัว สีหน้าณุเริ่มเบื่อหน่าย อีกใจเป็นห่วงนารีเกรงว่าจะประสบอุบัติเหตุอะไรไป

“คุณนั่นแหละต้องไปทำงานเหมือนกัน ผมต้องไปประชุม แล้วช่วงบ่ายฝากคุณดูแลต่อด้วย ผมมีธุระต้องรีบทำ”

ณุรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าห้องประชุม ทิ้งรสาสีหน้าบูดบึ้งพร้อมเสียงกระกระหยิ่มอย่างสะใจของพนักงานที่เห็นเหตุการณ์

ตลอดทั้งวันณุแทบไม่เป็นอันทำอะไร สีหน้าเหม่อลอยพลางคิดถึงคำพูดของเจตน์ว่านารีมีอายุเพียงแค่ 7 วันแล้วจะเหี่ยวแห้งไป

7 วัน นี่ผ่านมาแล้วเกือบ 1 วัน เหลืออีกแค่ 6 เราจะปล่อยเวลาให้มันผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ทำไมวะนี่

พลันคิดในใจแอบเป็นห่วง ว้าวุ่นจนได้ที่ตัดสินใจลุกออกจากที่ประชุมท่ามกลางความงุนงงของทุกคน

“เอาตามนี้แหละ จำไว้นะ ทุกคนสู้บุกเบิกกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อผม ห้ามไล่ใครออกเด็ดขาด” แม้แต่รสาเองก็ไม่เคยเห็นณุเมินเฉยแบบนี้ ตะโกนเรียกคุณณุเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหัน กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเป็นที่ขบขันกับผู้พบเห็น

เหยียบคันเร่งมาจนถึงหน้าประตูบ้านอย่างรีบเร่ง แต่ภาพตรงหน้าทำให้ณุต้องตะโกนสุดเสียง

“นารี อย่าทำแบบนั้น!!!”

************************************

ติดตามตอนต่อไป “ไขปริศนานารี” ได้ที่ TrueID In-Trend เท่านั้น! รอพบกันครับ


ภาพประกอบโดย Pixabay darksouls1 : ภาพปก / Pixabay : Tedd / ภาพที่ 1 / 6689062 : ภาพที่ 2 / Schueler-Design : ภาพที่ 3 / CostyPhotos : ภาพที่ 4 / Cozendo : ภาพที่ 5

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หงส์ดรุณ
หงส์ดรุณ
อ่านบทความอื่นจาก หงส์ดรุณ

ติดตามเรื่องราวน่าสนใจกันได้ที่นี่ครับ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์