ข้าว เป็นอาหารหลักของเรา วิถีชีวิตของเราคนไทยจึงผูกพันกับข้าวมาตั้งแต่สมัยก่อน จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกข้าวมากที่สุดในประเทศไทย สำหรับครั้งนี้จะพามารู้จักกับ “นาเฮียใช้” ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย กันค่ะ ไปดูกันค่ะว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง?ที่ตั้ง : 150/2 หมู่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีบุคคลทั่วไป นักเรียน ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ไม่รวมกิจกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น กิจกรรมการดำนา และสำหรับวันอาทิตย์หากไปเยี่ยมชมมีรถบริการนำชมรอบพื้นที่นาเฮียใช้ฟรี“นาเฮียใช้” หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวีถีของเกษตรกรที่มีอาชีพชาวนา สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ก่อตั้งโดยคุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา หรือ “เฮียใช้” ซึ่งเดิมครอบครัวของเฮียใช้ บิดา มารดา เป็นชาวจีนที่อพยพหนีภัยแล้งจากประเทศจีนแล้วมาลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย โดยประกอบอาชีพแรกเริ่มคือหาบของขาย ต่อมาตั้งร้านขายของชำ ซื้อขายข้าวเปลือก จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันคือดำเนินธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวรายใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรี“นาเฮียใช้” มีอะไรบ้าง? นาเฮียใช้เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับข้าว ไฮไลท์ในการเข้าชมภายในคือการชมแปลงนาสวย ที่ปลูกให้เป็นรูปร่างต่างๆ หรือการปลูกข้าวสีเขียวสลับกับต้นข้าวสีดำแปลเป็นอักษรรูปร่างต่าง ๆ หากเดินทางไปนาเฮียใช้วันอาทิตย์จะมีรถบริการพาชมพื้นที่โดยรอบของนาเฮียใช้ฟรี จุดบริการขึ้นรถจะอยู่โซนด้านหน้าของทางเข้าศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยค่ะ ที่แรกที่พาไปชมคือแปลงปลูกต้นกล้าข้าว เป็นแปลงสาธิตการปลูกต้นกล้าข้าวเพื่อเตรียมนำไปใช้โยนกล้า โดยเครื่องมือที่ทันสมัย ถัดจากแปลงสาธิตดังกล่าวก็ไปต่อที่บริเวณโซนสาธิตการปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ โดยน้อมนำแนวความคิดด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวความคิดในการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งผักที่ปลูกตรงจุดนี้เป็นผักปลอดสารพิษ และทางนาเฮียใช้ก็จะเก็บผักตรงนี้นำไปจำหน่ายในร้านจำหน่ายของฝากของบริเวณด้านหน้าของพื้นที่นั่นเอง นอกจากสาธิตการปลูกผักแล้ว ก็มีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้สนุกกัน คือกิจกรรมเก็บไข่จากโรงเรือนเลี้ยงนกกระทา และนำไปปรุงเป็นไข่ครกเสียบไม้ค่ะ กิจกรรมเก็บไข่ไม่เสียค่าบริการ แต่หากนำไปปรุงเป็นไข่ครก เสียค่าบริการไม้ละ 15 บาทถัดจากโซนสาธิตการปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์แล้ว ไปต่อกันที่บริเวณพื้นที่บ้านทรงไทย เราสามารถลงจากรถตรงจุดนี้แล้วค่อย ๆ เดินชมบ้านทรงไทยแต่ละหลังไปเรื่อย ๆ ก็จะไปสุดทางตรงจุดที่เราขึ้นรถครั้งแรกนั่นเอง บริเวณพื้นที่บ้านทรงไทยนี้ประกอบไปด้วยเรือนต่าง ๆ ซึ่งภายในมีการรวบรวมความรู้แยกออกเป็นหมวดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับข้าว ดังนี้-เรือนหนังสือพระราชกรณียกิจและเรือนหนังสือข้าว เป็นสถานที่เก็บรวบรวมหนังสือพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน-เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระบรมรูป และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี-เรือนพระแม่โพสพ เป็นเรือนที่จัดแสดงองค์พระแม่โพสพ ซึ่งทำมาจากไม้สักที่แกะสลักอย่างประณีตงดงาม-เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต-หอเตือนภัยชาวนา เป็นหอคอยสูง 3 ชั้น ตรงจุดนี้เราสามารถขึ้นไปด้านบนได้เพื่อเก็บวิวมุมสูงของพื้นที่นาเฮียใช้ ซึ่งมุมนี้เราสามารถมองเห็นแปลงนาสวย ที่ปลูกให้เป็นรูปร่างต่างๆ ได้ในมุมสูงค่ะ หลังจากเดินเที่ยวชมศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย จนอิ่มเอมไปด้วยความรู้แล้ว บริเวณด้านหน้ายังมีร้านอาหาร และร้านกาแฟ ให้บริการสำหรับผู้เยี่ยมชมด้วยค่ะ ร้านอาหารการตกแต่งจะจัดในลักษณะร้านโชห่วยหรือร้านขายของในอดีต ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะ เก้าอี้ สำหรับเมนูอาหารจะเป็นอาหารจานเดียว ซึ่งมีจุดเด่นคือจะมีข้าว 2 สีในจานเป็นข้าวหุงด้วยน้ำอัญชัน และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ราดหน้ามาด้วยกับข้าวตามสั่ง นอกจากอาหารจานเดียวแล้วก็มีก๋วยเตี๋ยวให้บริการ และยังมีร้านกาแฟ พร้อมขนมหวานมากหมาย ให้เลือกรับประทาน หรือใครอยากจะซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากที่บ้านก็มีบริการร้านจำหน่ายของฝากเช่นกัน“นาเฮียใช้” หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งที่อยากแนะนำให้พาครอบครัวมาเที่ยวกันค่ะ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว บริการต่าง ๆ ก็ครบครัน