New York ชื่อนี้ เราเคยได้ยินผ่านหูได้เห็นผ่านตามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะจากทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์หรือตามนิตยสารต่าง ๆ ภาพที่เห็นคือความวุ่นวาย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ กลุ่มควันลอยออกมาจากใต้ดิน โผล่บนถนนเป็นระยะ ๆ และที่เป็นซิกเนเจอร์เลยคือ รถแท็กซี่สีเหลือง ๆ วิ่งเต็มไปหมด ในความรู้สึกเรามันก็ดูมีเสน่ห์ดีนะ เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และก็น่าไปเดินเล่นสักครั้ง และด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ จึงมีสถานที่หรือเหตุการณ์สำคัญๆ หลายอย่าง เกิดขึ้นที่นี่ และที่เป็นโศกนาฏกรรมระดับโลกเลยก็คือ เป็นเมืองที่ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนตึกแฝด World Trade Center เมื่อ 19 ปีที่แล้ว สารภาพว่าตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่ามัน คือนิวยอร์ก พอดีเราเป็นติ่งฝั่งยุโรปอะนะ ฝั่งนั้นมันดูมีความเก่าแก่ให้เสพได้ชัดเจนกว่า ( เท่าที่จะหาดูจากในโทรทัศน์นะ ยังไม่เคยไปจริงๆ ฮี่ ๆ ) เลยไม่ค่อยได้ติดตามทางฝั่งอเมริกาเท่าไร เหตุผลพอได้มั้ยนะ มาเข้าเรื่องเลยก็คือ ปีที่แล้วเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นี่ แบบจะว่าไปฟรีก็เกือบดีกว่า เพราะมีอยู่วันหนึ่งซื้อพิซซ่ากินเองไปชิ้นหนึ่ง แฮ่.. ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าที่มาที่ไป เราว่ามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจนะ เพราะมันทำให้เราได้มีโอกาสไปอเมริกาเป็นครั้งแรก ( ได้บินหรู เป็นบุญตูดด้วย ) จากที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไป ก็มันไกลอะเนอะ รวมถึงกำลังทรัพย์ก็ยังเห็นได้ไกล ๆ อีกด้วย ตอนแรกที่ได้ยินว่าจะได้ไปนิวยอร์ก เราตกใจไปประมาณ 4 วิ หลังจากนั้นก็เริ่ม search มันมีที่ไหนให้ไปมั่งว้า ... เอาจริงๆ เราแอบชอบเมืองแนวนี้อยู่ด้วย คือมีกลิ่นไอแบบสตรีท บันไดหนีไฟนอกอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ รถไฟใต้ดิน ถนนเป็นบล็อค รถแท็กซี่เหลืองอ๋อย และเสียงหว๋ออออออที่ดังตลอดเวลา ป่ะ... ไปดูกัน ว่ามันเป็นแบบนั้นมั้ยนะ เราพักใกล้ ๆ กับ Times Square สถานที่ที่เค้าเคาท์ดาวน์กัน ลืมบอก ช่วงที่ไปหนาวประมาณ 8 องศา แต่มันมีลมด้วยไงเลยหนาวมากถึงขั้นสุด เดินแป๊บๆ ก็ต้องไปหลบตามซอกตามหลืบ เสื้อ(ว่าที่)กันหนาว ที่ใส่มาจนตัวกลม ไม่ได้ช่วยอะไร คงช่วยได้แค่ที่เพชรบูรณ์ มาถึง Times Square เราว่ามันมีแสงสีให้ดูเยอะดี ตระการตา เป็นแยกที่รายล้อมไปด้วยป้ายบิลบอร์ดโฆษณาขนาดใหญ่ น่าจะเป็นเซินเจิ้นอเมริกาได้เลยนะ ก็ว่าปาย ..ไม่เหมือนหรอก เพราะมันไม่มีภาษาจีน ผ่ามมม .. วันถัดมาเราก็ไปตามแหล่งมวลชนต่าง ๆ แต่ละที่ก็พอจะเดินถึงกันได้ ( ถ้าไหว ) ถนนในนิวยอร์กตัดกันเป็นบล็อก ๆ ไม่ซับซ้อนดูจากแผนที่กระดาษได้สบาย ๆ เลย แถวนั้นก็มี New York Library, Flatiron Building, MOMA Museum, Grand Central Terminal แต่ละที่สวยมาก ใหญ่โต เราชอบ Grand Central Terminal คลาสสิคมาก นึกภาพออกเลยว่าคนสมัยก่อนโน้น เค้าใช้ชีวิตกันยังไง วันถัดมา ได้ข้ามไป Brooklyn ไปเดินเล่นแถว Williamsburg ห่างจากใจกลางนิวยอร์ก เดินทางโดย Subway กลม ๆ ก็ประมาณครึ่งชั่วโมง จะเป็นบรรยากาศแนวสตรีท แหล่งของพวกฮิปสเตอร์ มีร้านกาแฟเก๋ ๆ ตึกเก่า ๆ มี graffiti พ่นตามกำแพง ย่านที่อยู่ไม่ไกลกันมากก็เป็นที่ตั้งของสะพาน Brooklyn ที่จะมีมุมมวลชน ถ่ายภาพสะพานจากช่องตึก สวย ๆ เสียดายที่เราอาจจะไม่ได้เอารูปลงให้ดูได้เยอะ ๆ กลัวว่ามันจะเยอะเกินไปถ้าลงหมดครบทุกที่ เอาพอได้บรรยากาศแล้วกันเนอะ ส่วน Central Park ที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ได้ไปเดินเล่นแค่เสี้ยวหนึ่ง เพราะมันกว้างมาก ๆ แต่ละฝั่งของ park ไกลพอที่นั่ง subway กันได้เลยทีเดียว รวม ๆ แล้ว ด้วยความที่ไม่ได้แพลนอะไรมาก เลยได้ไปไหนไม่ไกล อ่อ วันก่อนที่จะไป Brooklyn ลงไปทางใต้ ก็แวะไป One World Trade Center สถานที่เกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินชนตึก จะมีรายชื่อของคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แสดงไว้ บางคนที่เป็นญาติ ก็นำเอาดอกไม้มาวางไว้เพื่อแสดงความคิดถึง ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปกัน และที่อยู่ไม่ไกลมากก็จะเป็น Little Italy และ ย่าน SOHO อีกจุดหนึ่งที่อยู่ใต้ลงไปอีก อาจจะเรียกได้ว่า ก็สำคัญนะที่ใคร ๆ มาเที่ยวนิวยอร์ก ก็คงต้องไป เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เลยก็ว่าได้ .. ใช่แล้ว เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ตัวเขียว ๆ ที่ยืนเด่นเป็นสง่าบนเกาะ มาร่วมร้อยปี มองเห็นได้ลิบ ๆ จากฝั่ง ซึ่งพอเราได้ยินว่าการที่จะไปเยี่ยมชมนั้น ต้องต่อคิว จองคิว คนเยอะ รอนานอาจจะหลายชั่วโมง .. มีหรือที่จะไป ฮ่า ๆ จะเรียกว่ามาไม่ถึงนิวยอร์ก ก็เอาเถอะ ยอม ความพยายามไม่น่าจะพอ อีกอย่างจะต้องเสียเวลาไปเลยวันหนึ่ง เลยไม่เอาดีกว่า และอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่เราก็พลาดด้วยเมื่อมาเยือนนิวยอร์ก นั่นก็คือ การไปชมละคร broadway จริง ๆ ก็ตั้งใจจะไปดูนั่นแหละ แต่เรื่องที่เราจะดู ( ราคามิตรภาพสุด ) มันมีแค่ 2 รอบ คือบ่ายสองกับสองทุ่ม ซึ่งเวลามันไม่ได้ ก็เลยอดดูซะงั้น แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน สรุป สถานที่ ผู้คน ความวุ่นวาย บรรยากาศ ก็ตามนั้นเลย โดยเฉพาะเสียงหว๋อที่ดังเป็นปกติ โดยรวมชอบมากและอยากกลับไปอีก เพราะมีอีกหลายๆ ที่ที่ยังไม่ได้ไปอิ่มเอม รวมถึงเรื่องกิน พิซซ่าที่ขึ้นชื่อ ที่ได้ยินมาว่า มานิวยอร์กต้องกินพิซซ่า ก็ได้ลองไปแค่ร้านเดียว ถ้ามารอบหน้าจะเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ และถ้ารอบที่ว่านั้นมาถึง เราคงจะได้มีอะไรใหม่ ๆ มาเล่าสู่กันฟังอีก แต่เมื่อไรเนี่ยสิ ... เครดิตภาพ : ภาพทั้งหมด ถ่ายและตกแต่งโดยผู้เขียน