" 4 ประตูภายในเกมเดียว ! " คือเหตุการณ์พลิกนรกที่เกิดในเวทียุโรปเมื่อ " เลสเตอร์ ซิตี้ " บุกโกงความตายพลิกกลับมาเอาชนะสปาร์ตัก มอสโคด้วยสกอร์ 3 - 4 คว้าสามแต้มสำคัญในการแข่งขันยูโรป้าลีกนัดที่สามไปครองได้สำเร็จ โดยชายผู้สร้างเรื่องราวทั้งหมดคือผู้เล่นใหม่ที่หลายคนเริ่มมองข้ามไป และในบทความนี้คือเรื่องราวของเจ้าหนู " แพทสัน ดาก้า " นิวเทพบุตรแห่งเลสเตอร์ ดาก้าคือดาวเตะกองหน้าสัญชาติแซมเบีย เขาเริ่มเดินทางสายฟุตบอลตามผู้เป็นพ่อในสโมสรระดับท้องถิ่นตั้งแต่วัยเด็ก โดยเกียรติประวัติสมัยอยู่ในแซมเบียคือตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของ " พาวเวอร์ ไดนามอส " แห่งศึกแซมเบียซูเปอร์ลีก ก่อนที่ในปี 2014 เขาจะได้ย้ายมาเล่นในยุโรปกับทีมเล็กๆ ในออสเตรียอย่าง " ไลเฟอริง " ด้วยสัญญายืมตัวก่อนจะย้ายไปโด่งดังจากการเล่นให้ " เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก " ในปี 2017 และทำสถิติเป็นนักเตะแซมเบียคนแรกที่ยิงได้ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2019 - 2020 และพาสโมสรคว้าแชมป์ลีก 4 ปีติดต่อกัน ต้องยอมรับว่าผู้เล่นของซัลซ์บวร์กในช่วง 2 - 3 ปีหลังมีแต่ของคุณภาพโชว์ฟอร์มดีจนหลายคนต้องต้องย้ายออกไปเล่นใน 5 ลีกใหญ่ ซึ่งก็รวมไปถึงตัวดาก้าเองด้วย โดยหลังจากมีข่าวหนาหูในช่วงตลาดซัมเมอร์ปี 2021 ที่ผานมากับยอดทีมดังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ " ลิเวอร์พูล " สถานีแห่งความฝันที่เป็นทีมโปรดในวัยเด็กของดาก้า แต่สุดท้ายอย่างที่เราทราบกันดีว่าดีลดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริงเป็นเพียงแค่ข่าวลือตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อนที่ในท้ายที่สุดความหวังในเวทีพรีเมียร์ลีกของดาก้าจะดำเนินต่อไปเมื่อทัพจิ้งจอกสยาม " เลสเตอร์ ซิตี้ " เป็นผู้คว้าตัวดาก้ามาร่วมทีมด้วยสัญญายาว 5 ปี แต่ดาก้าวัย 23 ปีต้องพบกับความจริงครั้งสำคัญเมื่อตัวเขายังไม่ดีพอจะเป็น " ตัวจริง " ได้ในตอนนี้เพราะมีรุ่นพี่แนวรุกในทีมหลายคนขวางหน้าอยู่ทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวสำรองอันดับท้ายโดยปริยาย โอกาสลงสนามก็น้อยมากไม่เพียงพอจะทำให้เขาโชว์ฟอร์มเก่ง โดยเกมปิดตัวในพรีเมียร์ลีกของดาก้าคือตัวสำรองลงในช่วงท้ายเกมแพ้เวสต์แฮม 4-1 ก่อนที่ในเกมลีกนัดที่ 8 ดาก้าจะเบิกร่องยิงประตูใส่ทัพปีศาจแดงในเกมที่เลสเตอร์เปิดบ้านทุบแมนยูด้วยสกอร์ 4 - 2 ก่อนที่ชื่อของเขาจะเริ่มถูกพูดถึงอีกครั้งในเกมยุโรปถ้วยรองที่เจ้าตัวจัดไป 4 ประตูรวดในเกมบุกไปแซงดับสปาร์ตัก มอสโค ส่วนตัวผมมองว่าถึงแม้ดาก้าจะเริ่มเข้าฟอร์มยิงถล่มมาสองเกมติดต่อกัน แต่ต้องยอมรับว่าถ้ามองภาพรวมแนวรุกของทีมตัวดาด้ายังเป็นตัวเลือกอันดับ 3 เป็นรองทั้ง " เจมี วาร์ดี " และ " เคเลชี อิเฮียนาโช " จึงทำให้โอกาสในการลงสนามยังดูน้อยเกินไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในระยาวของนักเตะได้ แต่อีกหนึ่งจุดที่อาจจะทำให้ดาก้ามีโอกาสลงสนามมากขึ้น เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ที่เลสเตอร์ยังฟอร์มไม่ดีพวกเขาเล่นระบบหน้าเป้าตัวเดียวโดยใช้วาร์ดี้ แต่ในสองเกมล่าสุดพวกเขาลองเปลี่ยนมาเล่นระบบหน้าคู่แทนแล้วฟอร์มดูดีมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าหากมีการเปลี่ยนตัวในแนวรุกจึงทำให้ดาก้าจะมีโอกาสลงสลับหมุนเวียนได้มากขึ้น ซึ่งผมมองว่าโอกาสดังกล่าวจะช่วยพัฒนาให้ดาก้ากลายเป็นอีกหนึ่งความหวังในระยะยาวของทัพจิ้งจอกสยามอย่างแน่นอน ** Ref Picture ภาพหน้าปก : จาก Leicester City ภาพประกอบ 1 , 2 , 3 , 4 จาก Leicester City ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมตช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !