"ไม่เป็นไรนะ.. ค่อยรอลูกชายท้องหน้าก็ได้""คิมจียอง เกิดปี 82" ฉบับนิยาย มียอดขายกว่า 2 ล้านเล่มภายใน 2 ปี และได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกด้วยหลังจากดูตัวอย่างหนังแล้วผมอยากดูมากเลยลองหาหนังสือมาอ่าน และหนังสือเล่มนี้ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ เดี๋ยวจะรีวิวให้อ่านกัน หนังสือคิมจียองเกิดปี 82 จะเล่าเรื่องราวในแต่ละช่วงชีวิตของ "คิมจียอง" ตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน วัยหางาน วัยทำงาน และวัยที่กลายเป็นแม่คนในแต่ละช่วงชีวิตก็จะมีปัญหาต่าง ๆ มากมายที่หล่อหล่อมเธอจนกลายเป็นคิมจียองคนปัจจุบันที่ทำให้สามีของเธอ "ชองแดฮยอน" รู้สึกว่า ในบางครั้ง เธอก็กลายเป็นคนอื่นซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมันชวนให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมเข้าไปได้แบบถึงก้นบึ้ง แม้จะนำเสนอโดยตัวละครและสังคมเกาหลีแต่ก็เข้าถึงได้ง่ายเหมือนเป็นเรื่องของคนทั้งโลก ถ้าผู้หญิงอ่านจะรู้สึกว่าเรานี่แหละคือคิมจียอง ถ้าผู้ชายอ่านจะรู้สึกว่าผู้หญิงในชีวิตต้องมีความเป็นคิมจียองอยู่ไม่มากก็น้อยทำไมถึงว่าอย่างนั้น ก็เพราะปัญหาเดียวที่หนังสือเล่มนี้พยายามนำเสนอ มันก็แค่ "เกิดเป็นผู้หญิง" เท่านั้นเองหนังสือเล่มนี้มีเสน่ห์ตรงนำเสนอสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปที่เรา "เลือกจะมองข้าม" มากกว่าลงมือเปลี่ยนแปลง ทำให้ทุกวันนี้เกิดการรณรงค์เพื่อ "ความเท่าเทียมทางเพศ" อยู่เต็มไปหมดตัวเอกไม่ต้องเก่งหรือมีความสามารถพิเศษใด ๆ เพื่อรั้งความสนใจของเราไว้กับหนังสือ แต่เป็นตัวเอกธรรมดาที่ยื่นมือมาจับหน้าของเราที่มองเลี่ยงไปทางอื่น ให้หันหลับมามองความจริงว่า "พวกฉันเผชิญกับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เกิดนะ"เป็นเรื่องที่ผู้ชายไม่มีวันเข้าใจ และเป็นเรื่องที่ผู้หญิงไม่ต้องการใช้เป็นข้ออ้างใดทั้งนั้น เพียงแค่ขอให้ "คิดถึงมุมนี้บ้าง" ก็พอคิมจียองไม่ได้มีชีวิตที่แย่มาก แต่เป็นชีวิตที่ถูกเขียนทางเดินไว้ให้โดยที่ไม่รู้ตัว ในช่วงชีวิตหนึ่งที่คิดว่าเธอไม่ต้องเป็นแบบพิมพ์นิยมของคนทั่วไปแล้ว สุดท้าย "ความเป็นผู้หญิง" นั้นจะดึงเธอกลับมาในวงจรเดิมอยู่ดีในทุกช่วงเวลาของชีวิต การเกิดเป็นผู้หญิงมักจะถูกขีดเส้นกั้นไว้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพสังคม จากครอบครัว จากคนรัก หรือแม้แต่เส้นกั้นที่ถูกขีดจาก "ร่างกาย" ของตนเองซึ่งบางเรื่องเปลี่ยนได้ บางเรื่องก็ไม่ เพราะคำว่าเท่าเทียมกันมันไม่มีจริงตั้งแต่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายอุ้มท้องคลอดลูกแล้วหากผู้หญิงได้อ่านหนังสือเล่มนี้คงจะรู้สึกเหมือนได้นั่งคุยกับเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนาน และถามสารทุกข์สุขดิบกันว่าทุกวันนี้เป็นยังไงบ้าง ตอนเด็กเราเคยทำแบบนั้นด้วยกันนี่นะ ทำงานเป็นไงบ้างล่ะ แต่งงานมีลูกแล้วเหรอ ฯลฯสารพัดคำถามที่ถูกตอบโดย "คิมจียอง เกิดปี 82" นั้นจะทำให้คุณได้ทบทวนกับตัวเองว่าฉันกำลังจะกลายเป็นคิมจียองในสักวันหรือเปล่าและถ้าหากผู้ชายได้อ่านหนังสือเล่มนี้ (ซึ่งก็คือผมเอง) มันรู้สึกว่าที่ผ่านมาเราโชคดีมากแค่ไหนที่ไม่ต้องใส่ยกทรง ไม่ต้องเป็นประจำเดือน ไม่ต้องกลัวการถูกคุกคามทางเพศ โดยที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าโชคดีอะไรจนกระทั่งมาอ่านหนังสือเล่มนี้ความต่างในการใช้ชีวิตมันชัดเจนมาก ถ้าลองมาคิดว่าต้องมีเลือดออกจากจู๋และปวดท้องเดือนละหนึ่งอาทิตย์ หรือถึงจุดจุดหนึ่งที่ต้องลาออกจากงานที่รักเพื่อมาทำหน้าที่พ่อดูแลลูก จะทำได้อย่างคิมจียองไหมก็ไม่รู้และการรณรงค์เพื่อจะช่วยให้"ปัญหาที่ผู้ชายไม่ต้องเผชิญ = ปัญหาที่ผู้หญิงไม่ต้องเผชิญ" จะเกิดได้เมื่อไร ยังแทบมองภาพไม่ออกเลยนั่นคือส่วนตัวผมคิดว่าผู้ชายควรอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่แพ้ผู้หญิงเลย หากผู้ชายได้อ่านคงจะทำให้ "เข้าใจ" และทำให้สังคม "เข้าใกล้" ความเท่าเทียมได้มากที่สุดและจะได้รู้ว่าประโยคที่เต็มไปด้วยความหวังดีอย่าง "เดี๋ยวช่วยทำงานบ้าน" เป็นคำพูดที่โง่แค่ไหน ผมคิดว่าผู้หญิงไม่ได้อยากเป็นเหมือนผู้ชายไปสะทั้งหมดหรอก ข้อดีที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นถึงจะทำได้มีมากมาย แต่สภาพสังคมหรือวัฒนธรรมที่คอยปิดกันไว้นั้นเป็นสิ่งที่ควรหมดไปสักทีคงไม่มีผู้หญิงคนไหนเรียกร้องเรื่องอย่างให้ผู้ชายเป็นประจำเดือนหรือให้ผู้ชายอุ้มท้องคลอดลูกดูบ้างหรอก แต่สิ่งที่ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ LGBT ทั่วโลกออกมาเรียกร้อง คือ "ความความเท่าเทียมเท่าที่โลกนี้จะเป็นได้" ให้มันเกิดขึ้นให้เรื่องที่ว่าเพราะคุณเป็น LGBT คุณเป็นชาย คุณเป็นหญิง หมดไปจากสากลโลก และกลายเป็นโลกที่อยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมที่สุดมากกว่าสรุปว่าหนังสือ "คิมจียอง เกิดปี 82" เป็นหนังสืออีกเล่มที่อยากให้อ่านกัน เป็นความดาร์คอย่างมีศิลปะ อ่านจบรับรองว่าอึน เคว้ง และได้นั่งทบทวนกับตัวเองแน่นอน-เพราะผู้หญิงก็มีงานที่อยากทำ มีชีวิตที่อยากใช้ มีครอบครัวที่อยากดูแล มีฝันที่อยากลอง แล้วทำไมต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป เพียงเพราะเราเป็น "ผู้หญิง" ด้วยล่ะ-"คิมจียอง เกิดปี 82"ปล. ผมแอดมินจากเพจ and the review goes to เองครับ หากชื่นชอบฝากกดไลค์เพจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ที่มารูปภาพ