"น้อยคือดี" #มินิมัลลิซึม #Minimalism A Documentary About the Important Things สารคดี จาก #Netflixกระแสความพอดี พอเพียง ในบ้านเราคงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถ้าเป็นโลกตะวันตก โดยเฉพาะฝั่งอเมริกาแล้ว การเป็น "ทุนนิยม" เป็นเรื่องปกติล่าสุดหนังสารคดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบมินิมอลใน Netflixเรื่องราวการหลีกหนี จากค่านิยมของสังคมอเมริกัน ของชายหนุ่มคนหนึ่งกับเพื่อนตัวหนังแสดงให้เห็นผลความเป็นทุนนิยมของสังคม เห็นภาพของการแย่งซื้อสินค้าลดราคาในห้างสรรพสินค้าอย่างโกลาหลหรือการต่อแถว หน้าร้าน เพื่อรอ โทรศัพท์ รุ่นใหม่ ๆ ตัวหนังพยายามบอกว่า พวกเราซื้อสิ่งที่ "เกินความจำเป็นกับชีวิต" ทำให้เราใช้เงินอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงของที่เราพยายามซื้อหรือขนขวาย หามันมาตามกระแสการโฆษณาซื้อที่จริง ๆ แล้วก็ไม่ต่างกับขยะในบ้านเรา มากนะผมดูแล้วตอนต้นเหมือน หนังจะทำให้ รู้สึกเหมือนว่า "การตลาด" คือ "ผู้ร้าย" ในหนังเรื่องนี้ในหนังเรื่องนี้ จัดบ้านอาจจะดู"น้อย"แบบที่สุดเช่น ทั้งห้องมีโซฟาแค่ตัวเดียว ที่ห้องครัวอาจจะมีแค่เตาเฉย ๆ ตัวหนังภาพดูสะอาด สวย เน้นการออกไปเผยแพร่ แนวความคิด มินิมอล ให้กับคนทั่วไป ผ่านทางการจัดงานบรรยาย และการเซ็นหนังสือ ตาม งานหนังสือต่าง ๆ ของตัวเอกของเรื่องมินิมัลลิซึมไม่ใช่ทางสายกลางซะทีเดียว มินิมัลลิซึม คือน้อยที่สุดที่เราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ฝรั่งทางต่างประเทศตะวันตก ชอบที่ออก ไอเดีย ความเห็น และความเห็นกันเสมอ ๆ มันอาจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับสังคมไทย ถ้ามีคนหนึ่งคนลุกขึ้นมาตั้งทฤษฎีอะไรสักอย่าง จัดการตัวเอง เขียนหนังสือขายในสิ่งนั้น ๆ และเดินสายบรรยายทั่วประเทศ โดยที่เขาอาจจะไม่ได้เป็น ดอกเตอร์ อาจารย์ตามมหาวิทยาลัย การตามหา "ความสุข" ในหนัง ทุกคนต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และหาความสุข และเพราะปัญหาที่พวกเขาเจอ ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง "เงิน" หลายคนหาเงินได้น้อยกว่าที่จะใช้จ่าย หลายคนอาจจะสามารถหาเงินได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาอื่น ๆ เช่น เรื่องของเวลา หรือสุขภาพ พวกเขาจึงพยายามหาทางออก และ #มินิมัลลิซึม ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดูหนังเรื่องนี้ทำให้คิดถึงหนังอีก 1 เรื่องที่ได้รับอิทธิพลเกี่ยวกับการลดของที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิตชื่อว่า "ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว" ของคุณ "คนโด มาริเอะ"มาจากหนังสือการจัดบ้าน แต่อยู่ในหมวดจิตวิทยา เรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ แล้วการจัดบ้านจากหนังสือเล่มนี้ คือ"การฝึกการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดีในชีวิต" นั้นเองถ้าเราเก็บไว้ทุกอย่างที่เราซื้อมา คงจะเต็มบ้าน ไม่ได้เป็นหลักการ มินิมัลลิซึม เสียทีเดียวหนังสือหลักการจัดบ้านของคอนโดะ ต่างกับ หนัง มินิมัลลิซึม คือยังมีในส่วนที่เป็นสิ่งของแทนใจ ซึ่งจะอนุญาตให้เราเก็บไว้ได้เช่น ภาพของครอบครัว ของฝากจากคนที่เรารัก โดยที่ไม่จำเป็นจะต้อง มินิมัลลิซึม ให้เหลือน้อยที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่เน้นที่คุณค่าทางจิตใจของของที่เก็บไว้อีกเรื่องหนึ่งที่เราคงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ไม่ได้นั่นคือหนังไทยที่มีชื่อว่า "how to ทิ้ง"หนังไทยที่ต้องบอกว่าได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือของ "คนโด มาริเอะ"เพียงแต่ตัวหนังคือ ปลายทางของหนังสือที่ผู้อ่านจะมาปฏิบัติกับตัวเองอย่างไร และมีผล effect ต่อจิตใจอย่างไรตัวหนังจะพูดถึงผลกระทบต่อจิตใจทั้งของตัวเอง และของบุคคลรอบข้าง ต่อการตัดสินใจทิ้งอะไรบางอย่าง ที่เราเคยเก็บไว้นั่นเองสรุปว่า แนวความคิดเรื่อง การใช้ชีวิตแบบน้อยที่สุด การอยู่แบบน้อยที่สุดของฝรั่ง Minimalism อาจจะเป็นคนละด้านกับความพอดีหรือการเดินทางสายกลางสอนศาสนาพุทธที่เราคุ้น ๆ กัน แต่ผมเชื่อว่ามันคือการทดลองการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่พยายามหาหนทางเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมของปัจจุบันอย่างมีความสุขที่สุด ตามแต่คนแต่ละคนจะทำได้ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วอย่าลืมหันกลับไปจัดบ้าน หรือลองมองรอบ ๆ ตัวว่ามีอะไรที่จำเป็นมีอะไรให้ต้องทิ้ง แล้วลงมือทำกันเลยนะครับ.Minimalism A Documentary About the Important Things แนว : สารคดีความยาว : 1 ชั่วโมง 18 นาทีรับชมได้ที่ : https://www.netflix.com/title/80114460."จัดบ้านเปลี่ยนชีวิต" กับ"คนโด มาริเอะ"แนว : สารคดีความยาว : 8 ตอนรับชมได้ที่ : https://www.netflix.com/title/80209379."ฮาวทูทิ้ง" ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอแนว : ดราม่าความยาว : 1ชั่วโมง 53 นาทีรับชมได้ที่ : https://www.netflix.com/title/81143239.ติดตามผู้เขียนได้ที่Youtube : online2easyFacebook : https://www.facebook.com/online2easy/Podcast : online 2 easyบทความของผู้เขียน https://creators.trueid.net/@31939https://creators.trueid.net/@48036 ภาพประกอบโดย : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4