ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 นี่ เราทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้าน หลายคนต้องทำงานจากบ้าน เราจึงเห็นความสำคัญของไฟฟ้า น้ำประปา อินเตอร์เน็ทได้ชัดเจนขึ้น ถ้าไม่มีสาธารณูปโภคเหล่านี้ หลายคนคงแย่แน่ๆ ยิ่งช่วงอากาศร้อนอย่างนี้ ถ้าไม่มีพัดลม เครื่องปรับอากาศ เห็นทีจะแย่ หรือไม่มีอินเตอร์เน็ทใช้ คงไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับใครให้งานมันดำเนินต่อไปได้ หรือเข้าโซเชียล มีเดียให้คลายเหงาแบบนี้แน่ แต่ยิ่งเห็นความสำคัญของสาธารณปูโภคที่ถือเป็นผลพวงของการพัฒนาและความเจริญแบบนี้แล้ว ก็ทำให้หวนคิดถึงหมู่บ้านหนึ่งที่รู้จักและเคยไปสัมผัสหลายหน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “หมู่บ้านน้ำบ่อน้อย” หมู่บ้านน้ำบ่อน้อยเป็นหมู่บ้านของชาวปาเกอะญอหรือชาวกะเหรี่ยงที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นหมู่บ้านที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากในตำบลนาทรายมีชาวปาเกอะญอมาตั้งรกรากอยู่นานกว่าครึ่งศตวรรษ เพราะความศรัทธาใน “ครูบาวงศ์” หรือครูบาชัยวงศาพัฒนา จึงมีชาวปาเกอะญอเข้ามาตั้งรกรากอาศัยอยู่ในตำบลนาทรายอยู่เป็นระยะ ๆ จำนวนครัวเรือนในหมู่บ้านน้ำบ่อน้อยมีไม่กี่หลัง เดินวนไปไม่นานก็เดินทั่วทั้งหมู่บ้าน แต่ชาวปาเกอะญอที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านน้ำบ่อน้อยแห่งนี้ เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่แบบดั้งเดิม ปฏิเสธน้ำประปา ปฏิเสธไฟฟ้าที่แม้ทางหน่วยงานภาครัฐจะยินดีเข้ามาให้บริการ พวกเขาเลือกที่จะใช้น้ำจากธรรมชาติโดยตักเอาจากบ่อน้ำในหมู่บ้าน ใช้ไฟจากฟืน จากตะเกียง พอพระอาทิตย์ลับฟ้าไป ไม่นานก็ได้เวลาพักผ่อนนอนหลับ การหุงหาอาหารก็จุดฟืนแทนเตาแก๊ส แม้แต่การนับถือศาสนาก็ยังนับถือพุทธศาสนาที่ไม่สนใจพิธีกรรมที่เป็นเปลือกนอก ภายในหมู่บ้านจึงมีกองทรายกองหนึ่งที่สมมติขึ้นเป็นองค์เจดีย์ให้คนในหมู่บ้านได้กราบไหว้ แม้ว่าจะมีวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และเจดีย์ศรีเวียงชัยที่มีชื่อเสียงประดิษฐานอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านก็ตาม บ้านแต่ละหลังของชาวปาเกอะญอที่หมู่บ้านนี้จะสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้าคาบ้าง ใบตองตึงบ้าง เป็นเรือนเครื่องสับที่สร้างได้ง่าย อาศัยความช่วยเหลือจากสมาชิกคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านมาช่วยกันปลูก ใช้เวลาไม่กี่วันก็สำเร็จ ไม่ต้องใช้เงินทองมากมาย พอถึงเวลาทำอาหารก็จะหุงข้าวต้มแกงกันบนบ้าน ควันไฟจากฟืนก็จะลอยขึ้นทะลุหลังคาใบตองตึงเป็นสาย ช่างเป็นภาพในฝันของใครหลาย ๆ คน ในแต่ละวัน ชาวปาเกอะญอบ้านน้ำบ่อน้อยจะดำรงชีวิตเหมือนอาศัยอยู่ในโลกดั้งเดิม ปลูกผัก ปลูกฝ้าย ทำการเกษตร ทอผ้า แต่ไม่ออกไปล่าสัตว์ เพราะชาวปาเกอะญอในหมู่บ้านนี้รวมถึงหมู่บ้านห้วยต้มจะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ รวมถึงจะไม่นำเอาเนื้อสัตว์และสุราเมรัยเข้ามาในพื้นที่อย่างเด็ดขาด แต่ในปัจจุบันนี้ กระแสการท่องเที่ยวได้เข้าไปสู่ในทุกพื้นที่ ตำบลนาทรายก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง หลายคนมุ่งหมายมานมัสการสรีระสังขารครูบาวงศ์ที่แห้งเหี่ยวลง แต่ไม่เน่าเปื่อยหลังจากที่ท่านมรณภาพลง และเที่ยวชมวัดวาอาราม รวมถึงเจดีย์ศรีเวียงชัย จึงทำให้หมู่บ้านน้ำบ่อน้อยเป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวกันมากขึ้น ชาวบ้านจึงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงตัวด้วยการทอผ้าเป็นเสื้อปาเกอะญอ ชุดปาเกอะญอเพื่อขายให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจในเรื่องผ้าทอจริง ๆ แม้ว่าจะเริ่มมีคนนอกเข้าไปในพื้นที่ แต่ชาวปาเกอะญอที่หมู่บ้านน้ำบ่อน้อยส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยหรือภาษาล้านนาได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จะมีคนรุ่นหนุ่มสาวเท่านั้นที่พอจะพูดภาษาไทยได้และกล้าที่จะพูดคุยสื่อสารกับคนภายนอก บางคนบอกว่าหมู่บ้านปาเกอะกอบ้านน้ำบ่อน้อยนี่คล้ายหมู่บ้านอามิชในอเมริกาที่เลือกใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ปฏิเสธความเจริญ ด้วยความแปลกในวิถีที่เลือกจึงทำให้หมู่บ้านอามิชกลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวที่มีชื่อ ชาวอามิชก็มีรายได้จากการเย็บผ้าห่มขายให้กับนักท่องเที่ยว เป็นผ้าห่มที่เย็บด้วยมือ เป็นศิลปะการต่อผ้าที่เรียกว่าควิลท์ จนเป็นจุดเด่นของชาวอามิช สำหรับชาวปาเกอะญอบ้านน้ำบ่อน้อยเอง หากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านด้วยการทอผ้าแบบปาเกอะญอก็น่าจะไปได้เหมือนกัน แต่เพื่อไม่เป็นการไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัวและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็อาจจะต้องมีการวางระเบียบให้ชัดเจนเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง หมดวิกฤตการณ์โควิด-19 เมื่อไหร่แล้ว ก็อยากจะเชิญชวนคนที่ชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไปเที่ยวหมู่บ้านน้ำบ่อน้อยแห่งนี้บ้าง แล้วจะรู้ว่าความรู้สึกเหมือนได้หลุดไปอีกโลกหนึ่งที่เหมือนฝันทั้งๆ ที่ยังตื่นอยู่มันเป็นอย่างไร