“ต้นประ” เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ของทางภาคใต้ ลักษณะต้นสูงใหญ่ ออกผลคล้ายๆ กับลูกยางพารา ในส่วนของเนื้อในของผลจะมีกลิ่นหอม รสชาติมันๆ คล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จัดเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีรสชาติอร่อย และสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการนำไปคั่วปรุงรสกับเกลือ หรือผงปรุงรสรสชาติต่างๆ นำไปฉาบกับน้ำตาลเป็นของทานเล่น นำไปทำแกงเผ็ด หรือแกงเลียงรวมกับผักชนิดต่างๆ ก็อร่อยไม่เบา บางคนอาจจะนำไปดองเพื่อเป็นการถนอมอาหาร ซึ่งสามารถเก็บไว้ทานได้นานเป็นปีๆ “ลูกประ” นับเป็นของหายากที่คนภาคใต้ หรือแม้กระทั่งคนต่างถิ่นจากภาคอื่นๆ นิยมรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีรสชาติอร่อย ในหนึ่งปีจะออกลูกแค่ครั้งเดียว ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมโดยประมาณของทุกปี เพราะเป็นของหายาก ราคาก็เลยค่อนข้างสูงพอสมควร ในหนึ่งลูกเมื่อกระเทาะเปลือกนอกออกมา จะมีด้วยกัน 3 เม็ด ซึ่งถ้าขายปลีกก็ตกประมาณเม็ดละเกือบหนึ่งบาทกันเลยทีเดียว และนอกเหนือจากเมนูต่างๆ ที่ได้พูดถึงไปข้างต้นแล้ว เมนูยอดฮิตที่ทำมาจากลูกประ และไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือเมนู “น้ำพริกลูกประ” ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจะมาสาธิตวิธีการทำให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้ชมกัน เผื่อว่าวันไหนไปหาเจอลูกประวางขายตามท้องตลาด จะได้ซื้อมาลองทำทานกันดูนะคะ ซึ่งส่วนประกอบและขั้นตอนการทำก็ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าใครตำน้ำพริกกะปิเป็นอยู่แล้วก็สบายเลยล่ะค่ะ เพราะส่วนผสมก็เหมือนกับน้ำพริกกะปิทุกอย่าง คือประกอบไปด้วยพริกขี้หนูสด หอมแดง กะปิ น้ำตาล และก็น้ำมะนาว แค่เพิ่มลูกประเข้าไปก็เป็นอันเรียบร้อย ส่วนขั้นตอนการทำก็มี 2 ส่วนด้วยกัน โดยส่วนแรกจะเป็นขั้นตอนของการเตรียมลูกประโดยมีวิธีการทำดังนี้ค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ปอกเปลือกลูกประ ขั้นตอนแรกให้นำลูกประมาปอกเปลือก ก่อนนำไปคั่ว ซึ่งกรรมวิธีในการปอกก็มีเทคนิคนิดหน่อยโดยการนำหินหรือสาก หรืออุปกรณ์แข็งๆ มาทุบบริเวณหัวให้แตก แล้วเอาเปลือกออก สาเหตุที่ต้องทุบบริเวณหัว เนื่องจากจะทำให้ปอกง่ายและไม่ทำให้เนื้อในของลูกประแตก ขั้นตอนที่ 2 หั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปคั่ว ขั้นตอนต่อไปให้นำลูกประที่ปอกเปลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ จะหั่นเป็นแว่นกลมๆ หรือหั่นแนวยาวตามภาพก็ได้ หลังจากนั้นจึงนำไปคั่วให้สุกจนเหลืองกรอบ ขั้นตอนที่ 3 คั่วให้สุก หลังจากหั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำไปคั่วด้วยไฟอ่อนๆ ให้สุกจนเป็นสีเหลืองกรอบ แล้วนำไปตำให้ละเอียด ขั้นตอนที่ 4 ตำลูกประให้ละเอียด หลังจากคั่วเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำไปตำให้ละเอียด หรือถ้าอยากได้สัมผัสถึงความกรุบกรอบของเนื้อลูกประเวลาเคี้ยว ก็ไม่ต้องตำให้ละเอียดมาก อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ ในส่วนที่สอง จะเป็นขั้นตอนของการนำส่วนผสมทั้งหมดมาตำรวมกัน เราไปดูวิธีการทำกันเลยค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ตำพริกขี้หนูกับหอมแดงให้แหลกพอประมาณ โดยไม่ต้องละเอียดมาก เพราะจะทำให้ดูมีสีสันน่ารับประทาน สำหรับขั้นตอนนี้ให้ใส่ลูกประที่ตำแล้วลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันหอมแดงและพริกขี้หนูกระเด็น ซึ่งจะทำให้ตำได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนที่ 2 ใส่กะปิ พร้อมปรุงรสด้วยน้ำตาลพอประมาณ แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน ขั้นตอนที่ 3 ใส่เนื้อลูกประที่ตำไว้แล้วลงไป แล้วตามด้วยน้ำมะนาว ขั้นตอนที่ 4 เติมน้ำมะนาวลงไป แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสรรพพร้อมเสิร์ฟค่ะ และนี่คือโฉมหน้า "น้ำพริกลูกประ" ที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นยังไงบ้าง น่ารับประทานใช่มั้ยละคะ “น้ำพริกลูกประ” ของดีเมืองใต้ รสชาติหอม มัน ถ้าจะให้อร่อยต้องทานคู่กับไข่เจียวชะอม และข้าวสวยร้อนๆ แกล้มด้วยผักสดโดยเฉพาะแตงกวา และถั่วฝักยาว รับรองว่าอร่อยสุดๆ ผู้อ่านท่านไหนอยากลองทำทานดู ก็ลองไปหาซื้อลูกประในตลาดสดดูนะคะ แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่อยู่ภาคอื่นอาจจะหายากสักหน่อย ยังไงถ้ามีเพื่อนฝูงหรือญาติๆ อยู่ทางใต้ก็ลองสอบถามดูนะคะ เผื่อเค้าจะได้ซื้อส่งไปให้ ซึ่งช่วงหลังกลางปีลูกประก็เริ่มออกแล้ว และจะออกยาวไปประมาณ 2-3 เดือน ถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไป คงต้องรออีกทีปีหน้าเลยล่ะค่ะ วันนี้เพื่อนๆ ผู้อ่านก็ได้เห็นขั้นตอน และวิธีการทำ น้ำพริกลูกประ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังไงก็อย่าลืมไปลองทำทานกันดูนะคะ การันตีความอร่อยโดยผู้เขียนเอง และที่สำคัญ 1 ปี มีแค่ครั้งเดียว ถ้าพลาดปีนี้ไป อย่างที่บอกว่าคงต้องรอยาวๆ ไปอีกหนึ่งปีกันเลยทีเดียวล่ะค่ะ เครดิต : ภาพปกและภาพถ่ายทุกภาพโดยผู้เขียน