การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา มีนักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มได้ดี หนึ่งในนั้นก็คือ บดินทร์ ผาลา ปีกหมายเลข 10 วัย 25 ปี ของสโมสรการท่าเรือ แต่ก่อนหน้านั้นบดินทร์ไม่ได้เล่นฟุตบอลสนามใหญ่มาก่อน ในสมัยที่บดินทร์เรียน ม.ปลายที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เขาเป็นนักฟุตซอลของโรงเรียน เคยได้ลงแข่งในรายการ เจเพรส จูเนียร์ ฟุตซอล ไทยแลนด์แชมเปียนชิพ 2011 ในตอนเป็นนักฟุตซอลของโรงเรียนนี่เอง บดิทร์ได้ถูกแมวมองของสโมสรฟุตซอลท่าเรือดึงไปร่วมทีม และเขาก็ได้ลงเล่นในฟุตซอลลีกอาชีพให้กับสโมสรท่าเรือ แต่หลังจากนั้นเขาได้เปลี่ยนมาเล่นฟุตบอลสนามใหญ่ ในปี 2014 บดินทร์ได้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรรังสิต เอฟซี ทีมน้องของทีมบางกอกกล๊าส ทีมยักษ์ใหญ่ของไทยลีก เป็นเวลา 1 เดือน และฟอร์มของเขาได้ไปเข้าตาโค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม โค้ชของโค้ชของบางกอกกล๊าสในขณะนั้น ปี 2015 บดินทร์ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมบางกอกกล๊าส เขาได้ลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับทีมเคียงข้างนักเตะดาวรุ่งอายุน้อย ๆ ด้วยกันอย่าง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ในปีนี้เขาลงสนามให้กับบางกอกกล๊าสไปทั้งหมด 50 นัด ยิงได้ 7 ประตู แต่แล้วในปี 2016 เขาก็ย้ายทีมไปอยู่กับเชียงราย ยูไนเต็ด ที่นี่เขาไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากนัก ได้ลงสนามไป 13 นัด ทำได้ 2 ประตู ปี 2017 เขาอยู่กับเชียงรายได้แค่ปีเดียว ก็ได้ย้ายไปร่วมทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ของไทยลีก บุรีรัมย์เป็นทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเตะไทยหรือนักเตะต่างชาติ เขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ เขาลงสนามให้บุรีรัมย์ไป 18 นัด ทำได้เพียง 1 ประตู ปี 2018 ชีวิตของเขาต้องพเนจรอีกครั้งนึง เมื่อสโมสรการท่าเรือคว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่ฟอร์มของบดินทร์มาท็อปฟอร์มตอนปี 2019 เขาลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย บดินทร์เป็นนักเตะที่มีพื้นฐานการเล่นที่ดี สกิลบอลดี อาจจะด้วยพื้นฐานที่เคยเล่นฟุตซอลมาก่อน เขาไปกับบอลได้ดี กล้าลากเลี้อย และเป็นนักเตะที่จบสกอร์ได้ดีอีกต่างหาก จนทำให้เขาได้ฉายาว่า ปีกพ่อมด และในปี 2019 เขาทำประตูได้ 6 ประตู เขาช่วยให้ทีมท่าเรือได้อันดับที่ 3 ในไทยลีก และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้ ซึ่งเป็นแชมป์ในรอบ 10 ปี ของสโมสรท่าเรือเลย และยังได้สิทธิ์ไปเล่นเพลย์ออฟรอบสองฟุตบอลสโมสรเอเชีย ในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2020 ด้วย ซึ่งก็ต้องบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่อดีตนักฟุตซอลคนนึงที่หันมาเอาดีกับฟุตบอลสนามใหญ่แล้วจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะมีพื้นฐานการเล่นที่เหมือนกัน แต่ด้วยฟุตบอลสนามใหญ่นั้นต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย ความฟิต การยืนระยะ ไหนจะแท็คติกที่ต่างกันอีก แต่ตอนนี้บดิทร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเองสามารถทำได้ สามารถเป็นตัวหลักให้กับสโมสร และยังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้อีกด้วย ด้วยฟอร์มในลีกกับท่าเรือดีมากในปีนี้ แฟนบอลหลายคนจึงเชียร์ให้บดินทร์ติดทีมชาติไทยในยุคของโค้ชชาวญี่ปุ่น อากิระ นิชิโนะ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยมีชื่อติดทีมชาติในยุคมิโลวาน ราเยวัช มาแล้ว แต่ตอนนี้หลายคนมองว่าด้วยฟอร์มการเล่นที่ท็อปฟอร์มอยู่ในขณะนี้ ถึงเวลาที่บดินทร์จะได้มีโกาสแจ้งเกิดในนามทีมชาติได้แล้ว และบดินทร์ก็ถูก อากิระ นิชิโนะ เรียกติดทีมชาติไทยสู้ศึกฟุตบอลโลกโซนเอเชีย ซึ่งแฟนบอลหลายคนก็อยากเห็นบดินทร์ได้ลงสนามให้ทีมชาติไทย เพราะเชื่อว่าหากเขาโชว์ฟอร์มในทีมชาติได้เหมือนตอนเล่นให้กับสโมสร ทีมชาติจะได้ประโยชน์จากเขามาก แต่ด้วยนักเตะในทีมชาติไทยนั้นมีนักเตะฝีเท้าดีอยู่มากไม่ว่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ เอกนิษฐ์ ปัญญา ศิวกรณ์ เตียตระกูล การแข่งขันในทีมค่อนข้างสูง บดินทร์จึงได้เป็นแค่ตัวสำรองของทีมเท่านั้น ซึ่งเขาก็ได้มีโอกาสเปลี่ยนตัวลงสนามไปในนัดที่ทีมไทยไปเยือนมาเลเซีย แต่ก็ได้ลงในช่วงท้ายของเกมส์แล้ว ไม่สามารถช่วยทีมอะไรได้มาก ซึ่งเขาก็ต้องรอโกาสจากนิชิโนะต่อไป ในฤดูกาลใหม่นี้ เชื่อว่าหากบดินทร์ยังคงโชว์ฟอร์มให้กับต้นสังกัดท่าเรือดีอย่างต่อเนื่อง ในเกมส์ระดับชาติเขาก็อาจจะได้รับโอกาสจากนิชิโนะให้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ในตำแหน่งปีกซ้ายของทีมชาติไทยก็เป็นไปได้ ภาพจากsport.trueid.net ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4