#ฉลาม #ทะเล #ท่องเที่ยว #สิ่งแวดล้อม เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลูกฉลามหัวบาตร กัดเด็กชายเย็บ 48 เข็ม หรือข่าวฉลามกัดนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันที่พังงา เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้คนไทยให้ความสนใจเรื่องฉลามเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจความคิดเห็นของชาวเน็ตพบว่า ส่วนมากผู้คนในปัจจุบันทราบดีว่าฉลามนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะล่ามนุษย์เป็นอาหาร และในแต่ละปีฉลามยังถูกล่ามากกว่าที่มันกัดหรือทำร้ายมนุษย์เสียอีก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงบทบาทที่แท้จริงของสัตว์นักล่าทรงพลังตัวนี้ ที่ถูกมองว่า เป็นสัตว์อันตรายที่เกินความจำเป็นที่จะมีอยู่ในท้องทะเล มาคอยล่าคอยกินสัตว์อื่น ๆ ทำให้ท้องทะเลมีความน่ากลัว มีไว้เพื่ออะไรกัน ?แท้จริงแล้ว ฉลามนั้น คือ ผู้กำหนดชะตาและความเป็นไป ของน่านน้ำทั่วมหาสมุทรอย่างแท้จริง น่านน้ำใดที่ไร้ฉลาม จะนำมาสู่หายนะ และอาจนำไปถึงจุดจบของระบบนิเวศทางทะเลบริเวณนั้นเลยทีเดียว รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ขอรวบรวมมาเล่าให้ฟังแบบสบาย ๆ ไม่วิชาการมากกันดังนี้ 1. สร้างความหลากหลายทางชีวภาพใคร ๆ ก็ต้องการมีชีวิตรอด จริงไหม? การที่มีฉลาม( ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคโบราณนานนม ) คอยวนเวียนออกล่าอยู่ในพื้นที่นั้น มีผลอย่างมากต่อความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลาย อุปนิสัย การดำเนินชีวิต การกินอาหาร หรือแม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาของสัตว์ซึ่งเป็นผู้ถูกล่า ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งการที่ฉลามคอยออกล่านี้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อความอยู่รอด เป็นทอด ๆ ไปตามห่วงโซ่อาหาร ( สัตว์เล็กสัตว์น้อย แม้ไม่ได้เป็นอาหารของฉลามโดยตรง แต่เมื่อนักล่าที่เป็นคู่อริของตัวเองพัฒนาขึ้น สัตว์ที่ถูกล่าอื่น ๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอดด้วยเช่นกัน ) จึงเกิดสัตว์ทะเลสายพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมากมายมหาศาล ให้เราได้ทึ่งในการพัฒนาวิธีการป้องกันตัวจากนักล่า และได้ชื่นชมในความสวยงามแปลกตากัน 2. สร้างสมดุลห่วงโซ่อาหารฉลาม จะจำกัดจำนวนของเหยื่อในพื้นที่ ให้มีความสมดุล ไม่ให้มีน้อยเกินไปสำหรับเหล่านักล่า และไม่ให้มีมากล้นจนเกินไป จนทำให้ระบบนิเวศเสียหาย อีกทั้งยังคอยจำกัดการกินของบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่กินปะการัง พืชและสาหร่ายในทะเล รวมทั้งสัตว์นักล่าที่ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหารอีกด้วย เช่น ปลานกแก้ว และเต่าทะเล ที่กินปะการังเป็นอาหาร หรือ พะยูน และเต่าทะเล ที่กินหญ้าทะเลเป็นอาหาร ซึ่งเมื่อมีฉลาม สัตว์เหล่านี้ก็จะกินอย่างระมัดระวังตัว ต้องย้ายที่ไปเรื่อย ๆ ไม่กินอยู่ในที่ ๆ เดียว หากสัตว์เหล่านี้มีจำนวนมากเกินไป และไม่มีผู้ล่าคอยจำกัดจำนวน สัตว์เหล่านี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆจนกินล้างกินผลาญ ทำให้หญ้าและปะการังไม่มีเวลาได้พักฟื้น ขยายพันธุ์ และหมดไปในที่สุด 3. รักษาแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลให้สะอาด และมีความสมบูรณ์เรารู้กันดีว่าเหยื่ออันดับแรกที่ฉลามจะเลือก คือพวกที่ป่วย แก่ บาดเจ็บ กำลังจะตาย ทำให้สัตว์ตัวที่สมบูรณ์แข็งแรงดำรงชีวิตอยู่เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป นอกจากนี้ยังคอยเก็บกินซากของสัตว์ที่ตาย ซึ่งจะช่วยจำกัดเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจาย อีกทั้งฉลามก็ไม่ได้มีนิสัยการกินที่เรียบร้อยนัก เศษอาหารที่ฉลามทิ้งไว้ ได้กลายเป็นแหล่งอาหารของสัตว์เล็กสัตว์น้อยอื่น ๆ และโครงกระดูกจากซากร่างกายที่เหลือ ก็ยังกลายเป็นที่อยู่อาศัยให้สัตว์อื่นได้อีก และพื้นที่ใดที่ฉลามลาดตระเวณไปมา สัตว์ก็จะมาหากินบริเวณนั้นน้อยลง ทำให้พื้นที่ได้มีเวลาได้ฟื้นฟูตัวเอง ( ดังข้อ 2. ที่ได้กล่าวไปแล้ว )ฉลามนั้น มักจะไม่ได้หากินอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ มันจะย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย ๆ เช่น ฉลามวาฬ ที่จะเห็นวาฬกลุ่มเดียวกันนั้น ไปโผล่ที่ส่วนนั้นส่วนนี้ของมหาสมุทรในแต่ละประเทศ พวกมันเมื่อกินและย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ และได้ขับถ่ายไปตามทาง ก็เป็นการช่วยนำธาตุอาหาร จากพื้นที่หนึ่ง ไปปล่อยสู่พื้นที่หนึ่ง ทำให้ธาตุอาหารมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายปุ๋ย บำรุงให้แหล่งที่อยู่อาศัยเกิดความสมบูรณ์ พื้นที่ใดที่มีการล่าฉลามแบบล้างผลาญจนจำนวนฉลามแทบไม่เหลือ ก็สามารถเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศบริเวณนั้น ๆ ที่เสียหายทรุดโทรมจนถึงขั้นพังทลายลงได้อย่างรวดเร็ว 4. ฮีโร่ ผู้มีส่วนช่วยโลกจากภาวะโลกร้อนอย่างที่กล่าวไปแล้ว เรื่องที่ฉลามช่วยจำกัดการกินหญ้าทะเลของพะยูนและเต่า หญ้าทะเล ซึ่งส่วนมากรู้จักในฐานะของอาหารพยูนเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว พวกมันมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศอย่างมาก เช่น ลดการกัดเซาะชายฝั่ง และอาจทำถึงขั้นกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ส่งผลทั้งต่อมนุษย์และสัตว์ออกจากน้ำทะเล และที่สำคัญที่สุด คือความสามารถในการดูดซับ และกักเก็บคาร์บอนไว้ในก้นทะเล โดยเมื่อหญ้าทะเลตายจะทับถมกลายเป็นตะกอน ซึ่งสามารถดักจับคาร์บอนไว้ได้หลายร้อยปีเลยทีเดียว และความสามารถของหญ้าทะเล 1 เฮกตาร์นั้น มีความสามารถเท่ากับ ผืนป่า(ซึ่งค่อย ๆ หายไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน) บนพื้นดิน 1 เฮกตาร์ และตะกอนใต้ทะเลที่หญ้าทะเลเติบโต อาจสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าผืนป่าบนดินถึง 40 เท่า ไม่ธรรมดาเลยอีกทั้งการช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลของฉลามนั้น ยังทำให้ทะเลมีคุณภาพที่ดีพอสำหรับเหล่าแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นปฐมภูมิแห่งห่วงโซ่อาหาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพลงก์ตอนพืช ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลิตออกซิเจนผ่านการสังเคราะห์แสง โดยคาดว่าปริมาณออกซิเจนร้อยละ 50 – 80 ในชั้นบรรยากาศโลก ผลิตขึ้นจากแพลงก์ตอนพืชในมหาสมุทร ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 3 ใน 4 ของโลก 5. สร้างความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการท่องเที่ยวแม้จะแลดูหน้าโหดไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสน่ห์ในตัวพี่ใหญ่ของเรานั้น ก็มากมายเหลือล้นกว่าความโหดเยอะ การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่สง่างามน่าหลงไหลนี้ ช่วยสร้างความตระหนักในการดูแลรักษาท้องทะเล และที่ใดที่มีฉลาม ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวไปได้ที่นั่น เช่น การดำน้ำในกรงดูฉลาม ล่องเรือชมฉลามวาฬ และการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับฉลามอื่น ๆซึ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางไป ก็ย่อมต้องการที่กิน ที่พัก ที่จอดรถ โรงพยาบาล และอื่น ๆ สามารถสร้างรายได้ สร้างความเจริญ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ชุมชนและพื้นที่โดยรอบ ตัวอย่างเช่น โดยรวมๆแล้วการท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับฉลาม สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาถึงประมาณ 315 ล้าน ดอลลาห์สหรัฐ ต่อปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีการท่องเที่ยวเกี่ยวกับฉลาม เมื่อนักท่องเที่ยวต้องการไปดูฉลาม ก็ต้องมีคนพาไป จะใครที่ไหน ก็เหล่าชาวประมงในท้องที่นั่นเอง เมื่อชาวประมงมีรายได้ที่ดีจากทางอื่น การทำประมงในพื้นที่ก็ลดจำนวนลงจากการเปลี่ยนอาชีพ ส่งผลให้ความเสียหายในทะเลที่เกิดจากการประมง มีน้อยลงไปด้วยนั่นเอง นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนน้อยเท่านั้น ที่ได้รวบรวมมาเล่าสู่กันฟัง ประโยชน์ของฉลามยังมีอีกมากมายหลายประการบรรยายไม่หมด คงถึงเวลาที่จะต้องมองเจ้าสัตว์ดุร้ายไร้ประโยชน์ในอุดมคติที่ผิด ๆ นี่เสียใหม่ และควรช่วยกันส่งเสริมปลูกฝังเยาวชนรุ่นหลัง ๆ ให้ตระหนักถึงคุณค่าของสัตว์ทรงพลัง และทรงคุณค่าชนิดนี้ รวมถึงเลิกการบริโภคหูฉลาม ที่ต้องฆ่าฉลามจำนวนมหาศาลอย่างทรมาน ราคานอกจากจะแพงแล้ว ยังซ้ำร้ายกินแล้วส่งผลเสียต่อร่างกายไปอีก เพื่อให้มั่นใจว่า เราจะยังได้เห็นครีปหลังอันเป็นเอกลักษณ์ ว่ายวนไปเวียนมาในส่วนต่าง ๆ ของโลกนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน ขอบคุณรูปประกอบจาก canva ,pexels และ pixabayภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 /ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 แหล่งสืบค้น https://www.forbes.comhttps://www.leisurepro.comhttps://www.twig-aksorn.comhttp://www.igreenstory.cohttps://th.m.wikipedia.org