ก็ได้จบกันไปแล้วนะครับกับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเป็นอาร์เจนตินาที่เข้าชิงกับฝรั่งเศส และก็เป็นทัพฟ้าขาวที่นำโดย ลีโอเนล เมสซี คว้าแชมป์ไปได้ หลังจากที่ทั้งคู่เสมอกันใน 120 นาทีที่ สกอร์ 3-3 และจบลงที่การดวลจุดโทษ อาร์เจนตินาชนะไป 4-2 ส่วนทางด้านของฝรั่งเศสก็ต้องอกหักไป อดทำสถิติได้แชมป์โลกสองครั้งติด โครเอเชียถึงแม้ผู้เล่นตัวสำคัญจะแก่ไปบ้างแต่ในครั้งนี้ก็ยังยอดเยี่ยมคว้าอันดับที่ 3 กลับบ้านไปได้ โดยในบทความนี้จะเป็นการนำเสนอสถิติและสิ่งที่น่าสนใจในฟุตบอลโลกครั้งนี้มาให้ได้ชมกันนะครับ 1.อาร์เจนตินากับแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 อาร์เจนตินาได้แชมป์ในรอบนี้เป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่พวกเขาเคยได้แชมป์ไปแล้วเมื่อ 1978 และ 1986 และเป็นทีมที่ 4 ที่ได้แชมป์ถึง 3 สมัย โดยทีมที่ได้สามสมัยก่อนหน้าก็คือ บราซิล อิตาลี และเยอรมัน https://www.instagram.com/p/CmWI8Z9szJ5/?utm_source=ig_embed&ig_rid=6e12b400-60d1-4629-95a4-eaf69cfb94122.ดาวซัลโว ผู้เล่นยอดเยี่ยม ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม และรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมรางวัลดาวซัลโวในฟุตบอลโลกรอบนี้ตกเป็นของดาวยิงจากทัพตราไก่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงไปที่จำนวน 8 ประตู และยังมีการทำแฮตทริกในนัดชิงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอนาคตแข้งบัลลงดอร์เลยก็ว่าได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมตกเป็นของจอมทัพฟ้าขาว ลีโอเนล เมสซี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ถึงแม้อายุจะมากถึง 35 ปี แต่ความเก่งของเขายังคงอยู่รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมตกเป็นของนายด่านทัพฟ้าขาว เอมิเลียโน่ มาติเนซ ที่โชว์ฟอร์มเซฟจุดโทษอย่างเหนือชั้นตั้งแต่รอบรองจนมาถึงรอบชิง จนพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมตกเป็นของห้องเครื่องคนสำคัญของทัพฟ้าขาว เอ็นโซ เฟอร์นันเดซ มิดฟิลด์วัย 21 ปี จากเบนฟิก้า 3.ลีโอเนล สกาโลนี่ กุนซือที่คืนชีพให้ทัพฟ้าขาวลีโอเนล สกาโลนี มีอายุเพียง 44 ปี ในวันที่เขาพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ เขาเกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1978 โดยก่อนหน้านี้เขาก็พาทีมอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โคปาอเมริกามาแล้ว เขาพาทีมชาติไร้พ่าย 36 นัดติดต่อกัน ก่อนที่จะมาแพ้ให้กับ ซาอุดิอาระเบียในบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มและหลังจากนั้นเขาก็พาทีมเอาชนะมาได้ตลอดทุกนัดจนเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกได้ 4.ความยอดเยี่ยมของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกนัดที่ลงเล่น ด้วยทักษะการเลี้ยงบอลที่สุดยอดและการจบสกอร์อันเฉียบขาด ทำให้เขาได้เป็นดาวซัลโวของบอลโลกครั้งที่ 8 ประตู ในนัดชิงสามารถทำแฮตทริกช่วยฝรั่งเศสเอาไว้ได้ ไม่ทำให้ทีมแพ้ในเวลา 120 นาที และได้ยิงจุดโทษแข่งกับอาร์เจนตินาต่อ เขาเป็นนักเตะที่ยิง 4 ประตูในนัดชิงฟุตบอล (ปี 2018 และ 2002) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นนักเตะคนแรกในศตวรรษที่ 21 ที่ทำแฮตทริกในเกมนัดชิงฟุตบอลโลกได้ และเขายังทำลายสถิติเดิมของเปเล่ได้ โดยแต่เดิมนั้น เปเล่ เป็นผู้ครองสถิตินักเตะอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกมากที่สุด จำนวน 7 ประตู แต่ในตอนนี้ เอ็มบัปเป้ แซงไปได้เรียบร้อยแล้วที่จำนวน 12 ประตู และหากเขาทำเพิ่มอีก 5 ประตูในฟุตบอลโลก เขาจะทำสถิติแซงดาวซัลโวสูงสุดของฟุตบอลอย่าง มิโรสลาฟ โครเซ่ ที่ทำไว้ 16 ประตู 5.โมร็อกโก ชาติแอฟริกาชาติแรกที่เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายได้โมร็อกโก ในบอลโลกครั้งนี้เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายมาก พวกเขามีผลงานในฟุตบอลโลกดีกว่าชาติแอฟริกาชาติอื่นมาก เมื่อเราดูรอบก่อนๆ ชาติแอฟริกาที่ไม่ว่าจะมีสตาร์ดังมากมายขนาดไหน ก็จะผ่านเข้าไปได้อย่างมากก็แค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น แต่โมร็อกโกรอบนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีสตาร์ดังมากมาย ที่คุ้นชื่อกันดีก็เห็นจะมีแค่สองคนคือ อัชราฟ ฮาคิมี่ จากทีมปารีส แซงแชกแมง และ ฮาคิม ซีเย็ค จากทีมเชลซี แต่ด้วยทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมและเกมรับที่มีวินัยและเป็นระบบก็ทำให้พวกเขาสามารถเอาชนะชาติยักษ์ใหญ่ได้ทั้ง เบลเยี่ยม สเปน และ โปรตุเกส ต่างแพ้ให้กับโมร็อกโก ถึงแม้จะพลาดท่าแพ้ให้กับฝรั่งเศสและโครเอเชียจนไม่ได้รางวัลอะไรกลับบ้านเลย แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นชาติแอฟริกาที่กู้หน้าให้กับชาติแอฟริกาชาติอื่นได้แล้ว https://www.instagram.com/p/CmUv48DLvxd/?utm_source=ig_web_copy_link6.เทพนิยายของ ลีโอเนล เมสซี GOATการพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกครั้งนี้ได้ ถือเป็นถ้วยรางวัลสุดท้ายที่ทำให้เมสซีเป็น greatest of all time หรือ GOAT ได้สักที ถ้วยบอลโลกคือถ้วยสุดท้ายเมสซีรอคอยมาตลอด ในตอนนี้เขาได้ขึ้นมาเทียบชั้นกับ ดิเอโก้ มาราดอนน่า แล้ว และจากเดิมที่มีบัลลงดอร์ 7 ลูก ด้วยฟอร์มในบอลโลกครั้งนี้ก็น่าที่จะทำให้เขาได้บัลลงดอร์เพิ่มอีกครั้ง ถึงแม้จะโดนแซะโดนถากถางไปบ้างว่าหลายๆครั้งไม่สมควรได้รางวัลนี้ แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่าฝีมือของเขามันเป็นของจริง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขาทำได้ถึง 7 ประตู 3 แอสซิส เขาคือสุดยอดนักฟุตบอลของโลกและของประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วขอจบบทความแต่เพียงเท่านี้ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ ผู้อ่านทุกท่านสามารถคอมเม้นต์ติชมกันได้อย่างอิสระครับ สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณครับเครดิตภาพภาพปก : FIFA World Cupภาพที่ 1 Facebook :AFA - Selección Argentinaภาพที่ 2 IG : k.mbappeภาพที่ 3 Facebook : AFA - Selección Argentinaภาพที่ 4 Facebook : Équipe de France de Footballภาพที่ 5 Facebook : Équipe du Marocภาพที่ 6 IG : leomessi📌อัปเดตเรื่องราวในวงการลูกหนังสุดมันส์ในคอมมูนิตี้ "ฟุตบอล" ได้เล้ย ⚽️✨