ผมยังจำได้ติดตาเมื่อเปิดโทรทัศน์ดูข่าวหลังจากที่เดินทางจากกรุงเทพฯมาถึงที่พักที่หาดบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในช่วงบ่ายวันนั้น ภาพในโทรทัศน์แสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายและความเสียหายอย่างยับเยินบริเวณจังหวัดภูเก็ต ในภาพข่าวมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่เกิดจากคลื่นยักษ์ที่พัดเข้าสู่ฝั่งจากทะเลอันดามัน วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เป็นวันที่จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและของโลก ความวิบัติครั้งนี้มีผลกระทบอย่างหนักกับหลายประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาฟริกา มีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 230,000 คน สาเหตุของความเสียหายและความสูญเสียในครั้งนี้ คือการเกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “สุนามิ” (Tsunami) ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาดประมาณ 9 ริกเตอร์ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนิเชีย อันเป็นบริเวณที่มีรอยเลื่อนชื่อรอยเลื่อนซุนดาในมหาสมุทรอินเดียที่เป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงและมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การเกิดแผ่นดินไหวทำให้เกิดการขยับตัวของรอยเลื่อนและมีการปรับเข้าสู่จุดสมดุลทำให้มีพลังงานมหาศาลเกิดขึ้นและตามมาด้วยคลื่นยักษ์ที่แผ่กระจายตัวออกไป การเกิดสุนามิครั้งนี้มีประเทศ 14 ประเทศที่อยู่ติดกับมหาสมุทรอินเดีย ทั้งในเอเชียและแอฟริกาที่ได้รีบผลกระทบ ประเทศแถบบ้านเราที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุด คือ อินโดนิเซีย ศรีลังกา อินเดีย และไทย มีผู้เสียชีวิตจากการเกิดสุนามิในครั้งนี้กว่าสองแสนคน ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคืออินโดนิเซีย มีผู้เสียชีวิตประมาณ 167,000 คนโดยส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองบันดาอาเจะห์บนเกาะสุมาตรา ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,300 คนและมีผู้สูญหายกว่า 3,000 คน ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนยุโรป จังหวัดที่ได้รับความเสียหายมากคือจังหวัดที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรังและสตูล จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือจังหวัดพังงากว่า 4,200 คน สุนามิในวันนั้นเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในอดีดเรายังมีความรู้เกี่ยวกับคลื่นยักษ์นี้น้อยมากจึงไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับการเตือนภัยหรือการอพยพมาก่อน ผู้คนไม่ตระหนักถึงมหันตภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามา ภายหลังจากคลื่นสงบลงแล้วจึงพบว่าบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร รีสอร์ตต่าง ๆ เหลือแต่ซากปรักหักพัง มีศพผู้เสียชีวิตกลาดเกลื่อนไปหมดรวมทั้งผู้บาดเจ็บที่ร้องขอความช่วยเหลือเต็มไปหมด เป็นภาพที่น่ากลัวและน่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง ภายหลังการเกิดคลื่นยักษ์สุนามิในครั้งนี้ทำให้ UNESCO และองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งรณรงค์ให้เกิดระบบการเตือนภัยขึ้น มีการติดตั้งทุ่นน้ำลึกเตือนภัยในบริเวณรอยเลื่อนซุนดาจำนวน 6 ทุ่น โดยประเทศไทยดูแล 2 ทุ่น อีก 4 ทุ่นเป็นของอินเดีย ปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาระบบเตือนภัยแบบ Real Time โดยใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยในการทำงาน สำหรับในประเทศไทยมีการพัฒนาจัดเตรียมเตรียมระบบเตือนภัยอันประกอบด้วยทุ่นลอยเตือนภัยที่สามารถส่งสัญญาณไปที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และมีการสร้างหอเฝ่าระวังสำหรับใช้ในการกระจายเสียงเตือนภัยเป็นจำนวนมาก ในวันที่คลื่นลมค่อนข้างเงียบสงบบริเวณหาดบ้านกรูดฝั่งอ่าวไทยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ฝั่งตรงข้ามกับอ่าวไทยในหลายจังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลอันดามันกลับเกิดเหตุการณ์ร้ายที่เป็นหายนะที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปกจาก NOAA / Unsplash ภาพประกอบ 1 จาก Ilona Froehlich / Unsplash ภาพประกอบ 2 จาก Jonah Brown / Unsplash ภาพประกอบ 3 จาก Vika Chartier / Unsplash ภาพประกอบ 4 จาก Valeri Terziyski / Unsplash เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !